รีวิว Spellbreak กับเกม Battle Royale สไตล์จอมเวทย์
เปิดให้เล่นตัวเต็มกันแล้วสำหรับ Spellbreak กับเกม Battle Royale สไตล์จอมเวทย์ที่ลงให้เล่นกันฟรีๆ บน Epic Games ซึ่งความแตกต่างที่แปลกใหม่นี้ ก็ทำให้เกม Spellbreak มีความน่าสนใจมากเช่นกัน จะเป็นยังไงนั้นมาดูกันเลย
Battle Royale แนวต่อสู้ที่ไม่ใช่ FPS
ในเกม Battle Royale ส่วนใหญ่ ก็มักจะเป็นสไตล์ FPS ยิงปืนกันเสียส่วนมาก นั่นทำให้ Spellbreak มีความแตกต่างที่น่าสนใจในการใช้พลังเวทย์ในการจัดการศัตรูนี่เอง โดยตัวเกมนั้นจะมีเวทมนตร์อยู่ทั้งหมด 6 ธาตุด้วยกัน ซึ่งแต่ละธาตุก็จะมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันไป และยังสามารถนำมาผสมผสานคอมโบกันได้อีกด้วย ทำให้ตัวเกมสามารถพลิกแพลงรูปแบบการเล่นได้มากมายหลายรูปแบบการปรับเลือกสกิลได้ตามใจชอบระหว่างเล่น
ภายในเกม Spellbreak นอกจากถุงมือที่เป็นเวทมนตร์แต่ละธาตุ ที่เราสามารถใส่ได้สองข้างแล้ว ในเกมยังมีสิ่งที่เรียกว่า Rune ซึ่งจะเป็นสกิลพิเศษไม่ว่าจะเป็นการ Teleport, การพุ่งตัว, หรือหายตัวก็ตาม ซึ่งตรงจุดนี้จะคล้ายคลึงกับเกม Hyper Scape ที่มีสกิลให้เปลี่ยนระหว่างการเล่นได้ ซึ่งเจ้า Rune นี้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรในการคอมโบการใช้เวทมตร์ได้ดีมากด้วยเช่นกันก่อนเข้าเกมเราสามารถเลือกถุงมือเวทย์ได้แต่ต้น (ไม่สามารถเปลี่ยนระหว่างเกมได้)
ตัวแผนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่
ตัวแผนที่ภายในเกม Spellbreak นั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก แต่ก็ทดแทนปัญหานี้มาด้วยการบีบของวงที่เร็วมากเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นความเสียหายจากวงก็ไม่ได้รุนแรงมาก ทำให้มีเวลาที่จะสามารถวิ่งกลับเข้ามาในวงได้ตลอด แต่ในช่วงต้นเกมอาจจะเจอคนน้อยจนมีเหงากันบ้างการสู้ที่ยื้อเวลากันค่อนข้างนาน
ในเกม Spellbreak นั้น แม้ตัวละครเราจะตายได้ง่ายหากโดนสกิลเวทย์เต็มๆ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่สกิลส่วนใหญ่เป็น Projectile ทำให้เราสามารถหลบสกิลส่วนใหญ่ได้ไม่ยากมากนัก รวมไปถึง Rune ต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้เราหนีได้มากยิ่งขึ้น ทำให้การฆ่าคนๆ หนึ่งภายในเกม (โดยเฉพาะคนที่เล่นเป็นๆ) จะทำได้ค่อนข้างยากพอสมควรเลยทีเดียว นั่นทำให้เกมนี้จะมีโอกาสที่เราโดนรุมจากทีมอื่นๆ ได้ค่อนข้างมากเช่นกันRune หายตัว ที่ช่วยยื้อเวลาในการเอาตัวรอดได้ดีมากเช่นกัน
ตายแล้วตายเลยสไตล์ Battle Royale
ในเกม Battle Royale สมัยใหม่ มักจะมีตัวช่วยหลายๆ อย่าง ให้เราสามารถชุบชีวิตเพื่อนได้อีกครั้งแม้จะตายแล้ว (ไม่นับในกรณีล้มแต่ยังไม่โดนซ้ำ) อย่าง Apex Legends ก็สามารถไปเก็บกล่องเพื่อนไปชุบตามจุดได้, Call of Duty Warzone ก็สามารถชุบเพื่อนที่ร้านได้เลยถ้ามีเงิน และ Hyper Scape ก็สามารถชุบเพื่อนในจุดที่มีศัตรูตายได้ แต่ใน Spellbreak นั้น หากเราโดนโจมตีจนล้ม ก็จะกลายเป็นลูกวิญญาณ ซึ่งหากเพื่อนเรามาชุบไม่ทันเวลาหรือศัตรูเข้ามากำจัด เราก็จะไม่สามารถฟื้นกลับมาได้อีกเมื่อโดนตีจนล้ม เราจะกลายเป็นลูกวิญญาณอย่างที่เห็น
การกินยาต้องใช้เวลาในการฟื้น
การกินยาภายในเกม Spellbreak นั้น จะไม่เพิ่มพลังชีวิตแบบทันที แต่จะเป็นการเพิ่มแบบ Overtime ทั้งพลังชีวิตและเกราะ ซึ่งนั่นทำให้การปั้มยาระหว่างสู้แล้วกลับมาสู้ในทันทีเป็นไปไม่ได้เลย และควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสู้ทุกครั้ง
การเพิ่มเกราะหรือพลังชีวิตนั้นจะต้องรอแบบ Overtime (ค่อยๆ ฟื้น)
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อแตกต่างเด่นๆ ของเกม Spellbreak ซึ่งถือได้ว่าเป็น Battle Royale ตัวใหม่ที่น่าสนใจ สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนแนวการเล่นจากเกม FPS แบบเดิมๆ กันบ้าง ซึ่งตัวเกมนั้นก็เข้าใจได้ง่ายไม่ยากมากนัก ยกเว้นในเรื่องของการคอมโบสกิลต่างๆ ที่อาจจะต้องทำความเข้าใจไว้บ้าง แต่โดยรวมก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่สนุกใช้ได้เลยทีเดียว โดยปัจจุบันจะมีการเล่นแบบปาร์ตี้ 3 คนเท่านั้น ในส่วนของโหมด Solo และ Duo จะยังล็อคไว้อยู่ไม่สามารถเล่นได้
