หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร รีวิว – หักเหลี่ยมเฉือนคมกับปมปริศนาที่ชวนอ้าปากค้าง

Dark_Libra
16 มกราคม 2020
8803

หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร รีวิว – หักเหลี่ยมเฉือนคมกับปมปริศนาที่ชวนอ้าปากค้าง

หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ Joy of Life คือซีรีส์ที่ผมพูดและเขียนถึงอยู่บ่อยๆ ในช่วงเดือน 2 เดือนมานี้ เหตุเพราะเป็นช่วงที่เพิ่งดู The Witcher จบพอดี และตัวเรื่องเองก็เข้าสู่ช่วงที่พีคต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดผมต้องเสียค่าสมัคร VIP ของ WeTV เพื่อจะดูอีก 6 ตอนล่วงหน้า เพราะอดรนทนไม่ไหวอยากดูต่อจนต้องใช้เงินแก้ปัญหา งานนี้น่าจะพอบอกได้ประมาณหนึ่งว่าผมค่อนข้างเครซี่ซีรีส์จีนเรื่องนี้ขนาดไหน

ขอร่ายข้อมูลเบื้องต้นพอเป็นกระษัยอีกเล็กน้อย หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของยอดนักเขียนแห่งยุคอย่าง “มาวนี่” โดยในไทยออนไลน์ผ่านทางแอพฯ WeTV จำนวนทั้งสิ้น 46 ตอนมีให้เลือกชมทั้งซับไทยและพากย์ไทย ส่วนตัวผมซึ่งเป็นคนที่ทำอย่างไรก็ไม่ชินเสียงจีนและภาษาจีนเสียทีก็เลือกดูพากย์อย่างไม่คิดมาก คุณภาพจัดว่าดีเลย เพราะใช้ทีมพากย์มืออาชีพ (แค่เสียงพระเอกเป็นน้าติ่งพันธมิตรผมก็ซื้อแล้ว) แต่อาจเพราะผมเป็นคนที่ชอบดูหนังจีนพากย์ไทยอยู่แล้วเลยไม่ได้รู้สึกมีปัญหาอะไรกับมัน หากใครดูแล้วไม่ชอบเสียงไทยก็ไม่ว่ากันครับผม ยังมีแบบซับเป็นทางเลือกฮะ จุดนี้ถือเป็นความประทับใจแรกเลย

ออกตัวก่อนว่าผมเองมีโอกาสได้ดูซีรีส์จีนไม่มากนัก แต่ก็ผ่านตามาเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็กจนโต เพราะฉะนั้นเวลาที่ได้ดูก็จะสัมผัสได้ถึงพัฒนาการบางอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะด้านโปรดักชั่นที่เห็นได้ชัดว่าพัฒนาขึ้นมาก อย่างพวกซีรีส์ทุนหนาในปัจจุบันคือแทบการันตีได้เลยว่าแม้หากหลงไปดูแล้วบทไม่สนุก แต่อย่างน้อยงานโปรดักชั่นก็ละลานตาสะกดใจได้ค่อนข้างแน่นอน อย่างไรก็ดีพวกหนังจีนที่ไหลเข้ามาในไทยส่วนใหญ่จะเป็นหนังดังที่ทุนหนาอยู่แล้วมันก็เลยแทบจะกลายเป็นภาพจำไปประหนึ่งการเซ็ตมาตรฐาน หากเรื่องใดทำไม่ถึงคือแย่ หากเรื่องใดทำได้ดีก็อาจไม่ได้ว้าวสักเท่าไหร่ และกลายเป็นพวกเขาเริ่มพัฒนาด้านอื่นตามกันมาอย่างน่าสนใจ

เช่นหาญท้าชะตาฟ้าเนี่ยก็เป็นเรื่องที่เข้าทำนองข้างต้น คือโปรดักชั่นดีมาก คอสตูมแต่งหน้าก็เยี่ยมยอด แต่ก็ไม่ได้ชวนว้าวอะไรขนาดนั้น สิ่งซึ่งทำให้เรื่องนี้เป็นที่โจษจันทั่วบ้านทั่วเมืองกลายเป็นซีรี่ส์เบอร์ 1 ปิดปี 2019 ของจีนไปอย่างสวยงามคือบทและพล็อตหักเหลี่ยมเฉือนคมสุดเร้าอารมณ์และงานแสดงชั้นเยี่ยมที่ดาราน้อยใหญ่ต่างฝากฝังการประชันบทบาทอันถึงพริงถึงขิงได้อย่างถึงใจเอาไว้ให้ผู้ชมคนดูนั่นเอง

ด้วยเพราะตัวเอกอย่างฟ่านเสียนนั้นจะต้องเข้าไปอยู่กลางดงเกมการเมืองสุดอันตราย เนื่องจากถูกวางตัวให้เป็นผู้คุมพระคลังในของแคว้นคนต่อไป เมื่อเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครจึงมีคนที่คิดปองร้ายเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฟ่านเสียนจึงต้องคิดอ่านหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ เพื่อชีวิตสุขสบายมีเงินใช้ไปวันๆ อย่างที่เขาใฝ่ฝันถึงให้จงได้

อ่านพล็อตคร่าวๆ เหมือนจะไม่มีอะไรใหม่นัก แต่เพราะเรื่องนี้ตัวเอกเราเป็นผู้ที่มีความทรงจำจากยุคที่เทคโนโลยีเฟื่องฟูตั้งแต่เกิด ทำให้เป็นคนคิดอ่านอย่างมีเหตุผลผิดจากทุกคนในยุคนี้ ทั้งยังมีมายด์เซ็ตทางสังคมที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง การเอาองค์ความรู้สมัยใหม่ไปอัดใส่สังคมยุคเก่าจึงเป็นอะไรที่สร้างความบันเทิงไม่น้อย และเพราะพระเอกมีความฉลาดและไหวพริบที่ดีมาตั้งแต่เล็ก เขาจึงเป็นตัวละครที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ไม่ใช่หมูที่เคี้ยวง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ที่ต้องเจอก็ไม่ใช่เรื่องไก่กาเช่นกัน และถึงจะเก่งแต่ก็ไม่ใช่ที่สุดยังมีตัวละครที่เก่งกว่าอีกมาก ดังนั้นหลายๆ ครั้งตัวเอกจึงต้องอาศัยการวางแผนหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อเอาชีวิตรอดเป็นเคสๆ ไป

และจากการที่พ่อหนุ่มฟ่านเสียนของเราต้องไปพัวพันกับตำแหน่งใหญ่ในวังนี่เอง ทำให้เหล่าตัวละครที่แวดล้อมแก ล้วนมีแต่คนมีอำนาจ ขุนนางตำแหน่งใหญ่โต หรือยอดฝีมือแห่งแคว้น ในเรื่องแทบไม่มีเรื่องราวของชาวบ้านธรรมดาถูกเล่าออกมา เพราะมันคือเกมการเมืองในวังสุดอันตราย ที่แต่ละฝ่ายก็ล้วนมีแผนการแยบยลในการเถลิงหรือรักษาอำนาจเป็นของตัวเอง เป็นเอเลเมนต์ที่เข้มข้นสุดๆ ไม่มีที่ยืนใดๆ ให้ตัวละครที่คิดน้อยทั้งสิ้น ทุกๆ คนต่างเหลี่ยมทันกัน และมีเหตุผลในการกระทำเป็นของตัวเอง ไม่มีขาว ไม่มีดำ มิติของตัวละครในเรื่องมีความเทา มีความเป็นมนุษย์สูงมาก คุณอาจก่นด่าผู้ร้ายในตอนก่อน แต่ในตอนถัดมาคุณอาจเสียนํ้าตาให้เหตุผลของพี่แกก็เป็นได้ มาทรงนี้แทบทั้งเรื่อง และเรารู้สึกจริงๆ ว่าหากต้องมีชีวิตที่ต้องวางแผนความปลอดภัยให้ตัวเอง 3-4 ทบอยู่ตลอดเวลาอย่างฟ่านเสียนก็คงหัวระเบิดตายก่อนแหง๋ๆ

แต่บทและพล็อตที่ดีก็ต้องการนักแสดงที่คู่ควรกับมัน โชคดีมากๆ ที่นักแสดงในเรื่องนี้ทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม ทุกๆ คนต่างเล่นได้ถึงและสมบทบาท ขนาดที่แฟนๆ ต่างประหวั่นกลัวว่าหากภาคหน้าเปลี่ยนนักแสดงแม้แต่คนเดียวฟีลลิ่งการดูก็คงไม่เหมือนเดิมเป็นแน่แท้ แม้กระนั้นในหมู่มวลเพชรงามก็ย่อมต้องมีเม็ดที่โดดเด่นยิ่งกว่าใคร ในแง่งานแสดงของเรื่องนี้มี 2 คนที่ผมชอบเป็นพิเศษคือพระเอกของเรา ฟ่านเสียน ซึ่งแสดงโดยนักแสดงหนุ่มฮอตวัย 30 ต้นๆ จางรั่วหยุน และบทบาทฮ่องเต้แห่งหนานชิ่งที่รับบทโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ไฟกระพริบ เฉินเต้าหมิง นั่นเอง

จางรั่วหยุนนี่นักแสดงคุณภาพจริงๆ นะครับ แรกๆ อาจยังไม่เท่าไหร่ แต่มันเหมือนแกเติบโตไปพร้อมๆ กับฟ่านเสียนน่ะครับ อาจเพราะบทในช่วงหลังของเรื่องมันเอื้อให้ปล่อยของมากกว่า เราจึงได้เห็นการโชว์ฝีมือมากขึ้น ซึ่งเอาจริงๆ แกไม่ได้หล่อแบบหน้าพิมพ์นิยมนะครับ คือดูดีระดับหนึ่งแหละ แต่ไม่ใช่สายที่ขายหน้าตาอย่างเดียวได้แน่นอน ฝีมือการแสดงของแกต่างหากที่ช่วยให้สเน่ห์ของแกพุ่งพล่านมากๆ เป็นคนที่แสดง Expression ทางสีหน้า ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา ทุกข์ ได้สุดยอดมากๆ คนหนึ่งเลย ว่าง่ายๆ คือเป็นคนที่แสดงแล้วชักจูงคนดูให้แปรอารมณ์ตามได้ง่ายนั่นเอง

ขณะที่เฉินเต้าหมิงกับการเป็นฮ่องเต้แคว้นชิ่งต้องบอกว่าตื่นตาทุกครั้งที่แกได้ออกจอ คือบทของฮ่องเต้เรื่องนี้ค่อนข้าง Badass อยู่แล้ว มีความสบายๆ แต่ฉลาดเป็นเป็นกรด ขึงขัง เปล่งออร่าในความมีอำนาจคุกคามทุกๆ คน แม้ไม่ต้องเอ่ยปากอะไรรุนแรง แค่ยิงคำถามธรรมดาๆ แต่ใช้สถานะ, การวางตัว และสีหน้าเล็กน้อย เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ก็ต้องเข่าอ่อนกันแล้ว ผมดูผ่านจอยังจะเป็นแบบนั้นเลย คือแกเอาอยู่มากๆ แบบไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดโกรธจัด หรือถลึงตาใส่ผู้สนทนา ก็สามารถมอบความสะพรึงที่ตราตรึงออกมาได้

ยังมีดาราเบอร์ใหญ่อีกมากมายที่แสดงได้โดดเด่นเช่น เชียวจ้าน จากปรมาจารย์ลัทธิมาร ที่แม้บทบาทจะยังไม่เยอะ แต่ก็เปิดตัวได้ดี และพร้อมจะเป็นคีย์สำคัญมากแน่ๆ ในภาค 2 ครับ ขณะที่สาวๆ ภายในเรื่อง อาจไม่ถึงขึ้นสวยสะท้าน แต่ก็มองเพลินเกินห้ามใจจริงๆ เรียกว่ามีอาหารตาทั้งชายและหญิงกันอย่างครบถ้วน (คือตอนนี้เหยียบเรือ 2 แคมอยู่ระหว่าง เรือหลีหลี่ กับ เรือธิดาเทพ ใครจะตามผมมาก็เรียนเชิญ!)

หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่ส่วนตัวผมมองว่า “ครบรสที่สุด” ของปี 2019 ที่ผ่านมา มันมีความหักเหลี่ยมเฉือนคมซ้อนแผนกันไปมาพลางนํ้าลายฟุ้งบัฟไปบัฟมา ราวกับคุณกำลังอ่านมีมไอเซนโม้กับจูฮาบัดยังไงยังงั้น แต่แม้จะอุดมไปด้วยความระทึกชวนลุ้นในแทบทุก EP ตัวเรื่องก็ยังสอดแทรกความตลกเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะจะโคน กลายเป็นความบันเทิงที่หากได้ลองหลงไปดูแล้ว ก็อาจจะติดบ่วงจนหยุดไม่ได้กันเลยทีเดียว