รีวิวหนัง The Fantastic Four: First Steps - แม้จะติดเพลย์เซฟไปหน่อย แต่เป็นการเปิดเฟสใหม่ที่มั่นคงกว่า 2 เฟสก่อนหน้า

The Fantastic Four: First Steps ถูกคาดหมายว่ามันต้องเป็นภาพยนตร์ที่ Marvel พลาดไม่ได้อีกแล้วไม่ว่าจะในแนวทางใด เพราะนี่คือหนังที่จะเปิดเฟส 6 ของ MCU เฟสที่จะมีกลางทางเป็น Avengers: Doomsday และปลายทางคือ Avengers: Secret Wars ที่จบเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของ MCU ก่อนรีเซ็ตจักรวาล

อีกทั้งมันยังเป็นหนังที่จะแนะนำตัวกลุ่มฮีโร่คลาสสิคที่มีความสำคัญกับ Marvel มากๆ อย่าง Fantastic 4 ทำให้เดิมพันรวมไปถึงความคาดหวังที่มีต่อหนังเพิ่มขึ้นอย่างสูงลิบ ยังไม่นับการออกสตาร์ทสวยหรูของ DC ยุคใหม่ที่พาซูเปอร์แมนฉายก่อนหน้า 2 สัปดาห์แถมได้รับการตอบรับอย่างดีอีกต่างหาก พอดูจบจึงไม่แปลกใจว่าทำไมภาพยนตร์ Fantastic Four: First Steps ถึงให้ความรู้สึกที่ติดเพลย์เซฟอยู่สักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าหนังจะไม่สนุก เพราะในความเอาชัวร์ที่เกิดขึ้น ก็มีบางสิ่งที่น่าประทับใจและแปลกใหม่อยู่เหมือนกัน แต่ที่สำคัญที่สุดคือมันสามารถเป็นรากฐานที่แข็งแรงของเฟสที่ 6 ได้อย่างดี ไม่มีโซซัดโซเซหรือง่อนแง่นอย่างที่แล้วๆ มา

เรื่องราวของ The Fantastic Four: First Steps เกิดขึ้นในโลก 828 คนละโลกกับไทม์ไลน์ของ MCU หลัก ดังนั้นแล้วทีมงานสามารถขยายกรอบความคิดงานสร้างของตัวเองให้แหวกออกมาจากปกติได้สักหน่อย แม้ว่าอาจจะถูกตีกรอบด้านเนื้อเรื่องหรือซีนาริโอ้อยู่บ้างก็ตาม ผมชอบตรงที่การดีไซน์แทบทุกอย่างล้วนถูกคำนึงถึงแบรนดิ้ง F4 และเราจะได้เห็นเลข 4 บ่อยมาก แม้ในที่ๆ เราไม่คาดคิด นั่นทำให้งานกำกับศิลป์ในสไตล์ Retrofuturism ที่คุมธีมสีฟ้าในแทบทุกสวนสัดนั้นโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับจะย้ำเตือนอยู่เสมอว่านี่ไม่ใช่โลกเรา ไม่ใช่ไทม์ไลน์หลัก เป็นโลกที่ภยันตรายแทบทุกอย่างล้วนถูกจัดการได้โดย Fantastic 4 ทีมเดียว

ขณะที่การแนะนำตัวทีม 4 กายสิทธิ์ใน MCU ก็มาในลักษณะคล้ายๆ กับ Superman ตรงที่ไม่ได้เล่าเรื่องจุดเริ่มต้น ทว่าทั้ง 4 คนนั้นเป็นฮีโร่กันมาสักพักแล้ว อาจจะมีมอนทาจย้อนหลังให้ดูบ้างแต่ก็ไม่ลงลึกอะไร ไม่พยายามขุดเน้นไปที่ปมแต่ละคนให้ลึกนัก แต่เน้นให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ที่แตกต่างและเคมีระหว่างกันของทั้ง 4 ตัวละคร ซึ่งมีความชัดเจนและหนังสามารถตีโจทย์ตรงนี้ได้ดี เพราะผลลัพท์คือการเอาใจช่วยพวกเขาช่วงท้ายได้อย่างหมดใจ โดยส่วนนี้ก็ต้องให้เครดิตกับการแสดงของนักแสดงทั้ง 4 คน ที่เรารู้สึกเลยว่าพวกเขารู้จักและสนิทกันมานาน แต่ให้ผมเลือกก็คงจิ้มไปที่ วาเนสซ่า เคอร์บี้ในบท ซู สตรอม ที่ถูกต้องทั้งในแง่ของภาพลักษณ์และอารมณ์ของตัวละคร สมกับเป็นคีย์แมนของภาพยนตร์ภาคนี้อย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้าหนังเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่และต้องกู้โลกผู้คนก็คงจะคาดหวังแอคชั่นจัดหนักจัดเต็ม แต่ก็อยากจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้น และถ้าจะเทียบกับซูเปอร์แมนที่ฉายไล่เลี่ยกันก็คงต้องบอกอีกว่าไม่ควร เนื่องจากแม้จะเกี่ยวกับฮีโร่กู้โลก แต่ทั้ง 2 เรื่องก็มีไดเรคชั่นที่ต่างกันอย่างชัดเจน และ Fantastic 4 ก็แข็งกร้าวในแนวทางของตน ที่เน้นการทำงานเป็นทีมภายใต้โมงยามวิกฤต มากกว่าโชว์ความหวือหวาด้านพลังพิเศษ และเพลย์เซฟด้วยการที่ไม่ทำอะไรที่รู้สึกว่าเกินมือไปจนควบคุมไม่ได้อย่างที่แล้วๆ มา

แน่นอนว่าหนังมีฉากแอคชั่นอยู่แล้ว แค่มันถูกดีไซน์มาไม่ให้หวือหวาหรือดูฉวัดเฉวียน ทว่าแต่ละคนก็ยังมีซีนโชว์ของของตัวเอง ใช้พลังตามที่สเป็คบอก อาจไม่ค่อยมีการเล่นท่ายาก แต่ก็ชัดเจนในการย้ำภาพคาแรคเตอร์ว่าตัวละครนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง และอาจเพราะศัตรูหลักคือกาแลคตัสซึ่งมีร่างกายใหญ่โต ทำให้การดีไซน์ฉากต่อสู้จึงออกมาในลักษณะนี้ ส่วนตัวผมว่ามันก็โอเค ดูสนุกเลย และไม่ได้แย่ อาจจะรู้สึกแค่ว่าอยากเห็นการยืดตัวที่ดูพิเศษกว่านี้ของตัว รีด สักหน่อย แต่ที่เห็นก็พอเข้าใจได้ เพราะดูเหมือนโพซิชั่นของตัว รีด ในเวอร์ชั่นนี้จะเน้นหนักที่การเป็นตัวใช้สมองหาหนทางแก้ปัญหาหรือการเอาชนะแต่ละไฟต์มากกว่าใช้หมัดยางยืดของตัวเอง

แต่แอคชั่นที่ไม่หวือหวาก็ใช่ว่าจะตัดสินคุณค่าทั้งหมดของหนัง เพราะ The Fantastic Four: First Steps มีมู้ดที่ต่างออกไปจาก MCU เรื่องอื่นๆ หรืออย่างน้อยๆ ก็ในเฟสที่ผ่านๆ มาหลัง Endgame มันเป็นหนังที่จดจ่ออยู่กับตัวเอง และยึดมั่นในแนวทางเฉพาะตัวไม่เหมือนเรื่องไหน ความต้องการจะนำเสนอความเป็นครอบครัวและความอบอุ่นระหว่างกันและกัน ก็เอ่อท้นจนสัมผัสได้ ทั้งผู้กำกับยังสามารถเรียบเรียงได้อย่างดี เข้าใจได้ง่ายๆ ไม่ได้ซับซ้อน และสามารถเป็นรากฐานที่ดีในการต่อยอดไปสู่เรื่องราวที่ใหญ่โตกว่าได้ในอนาคต

The Fantastic Four: First Steps อาจไม่ใช่หนังที่มาพร้อมกับประกาศกร้าวถึงความใหญ่โต ไม่ใช่แม้ผู้กอบกู้ MCU (ที่อาจต้องไปชี้วัดกันที่ Doomsday นู่นเลย) แต่ตัวหนังเป็นเหมือนสุภาพชนที่เดินขึ้นเวทีมาแนะนำตัวเองให้เรารู้จักด้วยท่าทีลื่นไหล ไม่หวือหวา ทว่าก็ดูเพลินและถ่อมตน เป็นหนังที่มีไดเรคชั่นที่ชัดเจน งานกับกับศิลป์โดดเด่นสะดุดตา รวมไปถึงเพลงประกอบสุดติดหู หากหนังเรื่องนี้มีไพรออริตี้หลักจริงๆ คือการแนะนำ 4 คนกายสิทธิ์สู่ MCU พวกเขาก็ทำได้สำเร็จ และเราอดใจรอดูบทบาทถัดๆ ไปของพวกเขาไม่ไหวแล้ว