ถึงแม้จะมาช้าแต่ก็ดูเหมือนจะมาแล้วครับสำหรับ DC Studios กับภาพยนตร์เรื่องแรกเปิดจักรวาลของค่าย ที่แม้ก่อนหน้าจะล้มลุกคลุกคลานสักเท่าไหร่ แต่ก็ดูเหมือนว่ารอบนี้จะยืนได้มั่นคงกว่าครั้งไหนๆ ดเพราะภาพยนตร์เปิดจักรวาลอย่าง Superman ซึ่งกำกับโดยประธานค่ายอย่าง James Gunn ก็ดูมีอนาคตสดใสสุดๆ คะแนนบวกทั้งจากนักวิจารณ์และคนดู แม้อาจจะยังไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ แต่ก็พูดได้เต็มปากว่านี่แหละที่แฟนๆ รอคอยกันอยู่
Superman ฉบับนี้ใช้ตัวอักษรไม่กี่บรรทัดเพื่ออธิบายเซ็ตติ้งของจักรวาล Gods & Monsters ให้ผู้ชมได้เข้าใจแบบพอสังเขป ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว และกำลังจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีการเล่าย้อน ไม่มีการแฟลชแบ็ค อนุมานเอาว่าคนมาดูหนังนั้นรู้ตื้นลึกหนาบางของ Superman และตัวละครที่รายล้อมประมาณหนึ่งอยู่แล้ว และติดเครื่องไปแบบไม่พัก ซึ่งนี่คือความไม่ประณีประนอมของหนังเรื่องนี้ครับ เพราะในขณะที่คนดู Superman มาทุกเวอร์ชั่นหรือบางเวอร์ชั่น จะได้เฮกับความฉับไวไม่เยิ่นเย้อของเนื้อเรื่อง แต่คนที่เป็นมืใหม่จริงๆ ก็อาจจะตามไม่ทันนักครับ และนั่นส่งผลให้อาจไม่เข้าใจการกระทำของตัวละครบางคน เช่นไม่เข้าใจว่า Lex ทำไมถึงหมกมุ่นกับ Superman ขนาดนั้น และกลายเป็นไม่อินในการกระทำของตัวละครแทน (ภรรยาผมนี่แหละ)

แต่แน่นอนว่าในความไม่ประณีประนอมของมันก็มีข้อดีเพราะผู้ชมจะไม่ต้องดูอะไรที่ทำซ้ำกันมาแล้วหลายภาค และติดเครื่องสู่เนื้อหาที่ผู้กำกับอบากจะนำเสนอจริงๆ ซึ่งสำหรับในภาพยนตร์นั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับคอมิกหนึ่งตอนใหญ่ๆ เป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ Superman ต้องเจอแล้วผ่านไปให้ได้ ซึ่งในแง่ของฉากต่อสู้นั้นผมต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าส่วนตัวแล้วชอบเวอร์ชั่นของ Zack Snider มากกว่าแต่ขีดเส้นใต้ไว้หน่อยว่าพูดถึง Man of Steel เพราะเรารักความคล้ายคลึงดราก้อนบอลของมัน แต่สิ่งที่เวอร์ชั่นของ James Gunn ทำได้ดีกว่าก็คือการเล่าเรื่องในองค์รวมที่ดูสมูธกว่ามาก มีเหตุและผลหลายๆ อย่างที่เข้าท่ากว่า แต่ก็อาจจะติดอยู่ในใจอยู่สักหน่อยว่าพี่จะกระสอบทรายไปมั๊ย โดนอัดแทบทุกซีนที่โผล่เลย

David Corenswet สอบผ่านในบทบาท Superman อย่างฉลุย เช่นเดียวกับ Rachel Brosnahan ในบทของ Lois Lane และ Nicholas Hoult ที่หลายๆ คนยกให้เป็น Lex Luther ที่ดีที่สุดไปเรียบร้อย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ Superman ฉบับนี้ทำได้ดีอีกอย่างคือการเป็นทั้งหนังเดี่ยวและหนังเปิดจักรวาล คือตัวเองมีบทเด่นก็จริง แต่ตัวละครรอบๆ ก็มีซีนที่ดีเป็นของตัวเอง มันกระตุ้นให้ผู้ชมอยากจะรู้จักพวกเขามากขึ้นไม่ว่าจะฮีโร่จาก Justice Gang หรือกระทั่งตัวละครนักข่าวบางคน คือเรารู้สึกได้ทันทีว่าตัวละครเหล่านี้พร้อมจะมี Spin-Off หรือเรื่องราวเฉพาะตัวให้เล่า มากกว่าตัวละครจากภาพยนตร์หลายๆ เรื่องก่อนหน้านี้ที่ไม่รู้สึกว่าจำเป็นมากนัก



James Gunn ตอกย้ำให้เราเห็นได้ชัดอีกครั้งว่าคนมีของยังไงก็มีของ ถึงแม้แกจะชัดเจนในลายเซ็นต์จนเราคุ้นเคยและรู้สึกว่าสไตล์ไม่หนีจากเรื่องก่อนๆ มากนัก แต่งานของแกก็ยังสามารถเล่าเรื่องได้อย่างสนุก ลื่นไหล และมีเสน่ห์ พร้อมต่อยอดให้ภาพยนตร์เรื่องถัดๆ ไปของ DC Studios ได้เฉิดฉายสมกับที่แฟนๆ รอคอยกันมาหลายปี แม้อาจจะรอนานหรือล้มลุกคลกคลานอยู่ไม่น้อย แต่ในฐานะของผู้ชมก็นับว่าน่ายินดีและเป็นกำไร เพราะในที่สุด DC ก็ดูจะตั้งหลักได้เสียทีครับ

VERDICT
8.5/10
ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม
Superman เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
ติดตามข่าวหนังอื่นๆ ได้ที่ Online Station