รีวิวหนัง F1 The Movie - แม้จะสูตรสำเร็จ แต่เป็นหนังที่พูดว่าสนุกได้อย่างไม่มีอะไรมาคัดง้าง

แชร์เรื่องนี้:
รีวิวหนัง F1 The Movie - แม้จะสูตรสำเร็จ แต่เป็นหนังที่พูดว่าสนุกได้อย่างไม่มีอะไรมาคัดง้าง

ผมรู้จัก F1 เพียงผิวเผิน แม้จะเคยผ่านตาวงการมาบ้างตามการแชร์ข่าวสารของเพื่อนๆ ในโซเชี่ยลมีเดียร์ หรือตามป๊อปคัลเจอร์ต่างๆ ไอคอนของวงการก็พอรู้จักบ้าง เช่น ชูมัคเกอร์ หรือ แฮมิลตัน แต่ไม่เคยเอาตัวไปเข้าใจได้เลยว่าการซิ่งรถวิ่งในสนามวนไปวนมาหลาย 10 รอบต่อ 1 สนามนี่มันสนุกยังไง และผมอาจจะผ่านเลยกับหนัง F1 ไปง่ายๆ หากไม่ใช่ว่าผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้คือ โจเซฟ โคซินสกี้

ถึงอาจจะยังไม่ได้เป็นบิ๊กแฟนตัวยง แต่ความมหัศจรรย์ที่เขาเคยทำใน Top Gun Maverick ส่งให้ผมต้องการรับชม F1 The Movie อย่างไร้ข้อกังขา ความเป็นหนังสูตรแต่พิเศษ โอลด์สคูลแต่ชวนลุ้น ไม่เล่นท่ายากแต่ดึงผู้ชมให้อยู่กับหนังได้ในทุกนาที เป็นหนังประเภทถ้าอยู่บนเคเบิ้ลหรือช่องตัว M กับเลข 29 จะต้องหยุดทุกอย่างมานั่งดูเพลินๆ ในบ่ายวันหยุด เป็นความเอนเตอร์เทนที่เราตัดสินใจปล่อยตัวไปกับมันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งมันไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ แต่ โคซินสกี้ ทำได้จนแทบจะเป็นลายเซ็นต์ตัวเองไปแล้ว

F1 The Movie

และกับ F1 The Movie ก็เช่นกันที่เขาได้เนรมิตรความเป็นหนังสูตรสุดพิเศษขึ้นมาอีกครั้ง มันคือนิยามของฮอลลิวู้ดบล็อคบัสเตอร์ที่แท้จริง และหากคุณโดนถามว่ามันสนุกมั๊ย? นี่คือหนังประเภทที่คุณจะตอบว่า "สนุก" ได้ง่ายๆ โดยไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาทอนความรู้สึกดังกล่าว

F1 The Movie เล่าเรื่องของ ซอนนี่ เฮย์ส (แบรด พิท) อดีตดาว F1 ในวัยหมดสภาพกับคราบลุงสุดหล่อที่ไล่ตระเวนแข่งรถไปเรื่อยเพื่อตามหาบางอย่างที่ตกหายไปในวันวานอีกครั้ง ได้โอกาสจับพลัดจับผลูมาร่วมทีม F1 ของเพื่อนซี้ที่กำลังวิกฤตถึงขีดสุดในฐานะนักแข่งเบอร์ 2 ของทีม เดิมพันคือหากไม่ได้สักแต้มในฤดูกาลปัจจุบันทีมก็จำเป็นต้องถูกขายทิ้งในที่สุด

F1 The Movie

โคซินสกี้จับเรื่องความต่างระหว่างวัยที่ต้องทำงานเป็นทีมมาเล่นอีกครั้ง กับทีมที่ต้องการความเก๋าเกมของ เฮย์ส และนักแข่งรุ่นหลานอย่าง โจชัวร์ เพียซ (เดมสัน อีดริส) ที่แม้จะตีนผีระดับไฟพะเนียง แต่กลับขาดการตัดสินใจที่แม่นยำ พวกเขาต้องเบลนด์เข้ากันให้ได้ โดยที่ทั้งทีมก็ไม่ได้มีแค่นักแข่ง 2 คน แต่ยังมีทีมงานอีกมากมายที่ต้องร่วมมือกันฝ่าฟันตำแหน่งบ๊วยอย่างเข้มข้น ซึ่งสิ่งที่ชอบคือตัวหนังพาเราไปดูทั้งองคาภยพของวงการว่ามันมีอะไรบ้าง ความสำเร็จคืออะไร หรือส่วนไหนจะทำให้ล้มเหลวได้บ้าง จนผู้ชมสามารถเข้าใจได้พอสังเขปและนั่นช่วยให้ผู้ชมสนุกกับภาพยนตร์ขึ้นอย่างชัดเจน

และเมื่อถึงคราวต้องลงสนามภาพยนตร์ก็ช่วยไขข้อข้องใจกับผมได้ในหลายส่วนว่าทำไมกีฬาชนิดนี้จึงมีแฟนๆ ให้ความสนใจมากมาย เพราะการแข่งในสนามก็ยังไม่ใช่แค่การสู้กันของนักแข่งแต่มันคือทั้งทีมที่มีหลายสิบคน ซึ่งต้องทำหน้าที่ของตัวเองโดยไม่ผิดพลาดและต้องเชื่อใจกันและกันอย่างถึงที่สุด นับรวมไปถึงช่องโหว่ของกติกาต่างๆ ที่ถูกงัดมาใช้เป็นกลยุทธเพื่อให้ทีมได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งจุดนี้การได้ไอคอนของวงการอย่าง ลูอิส แฮมิลตัน มาเป็นโปรดิวเซอร์ก็คงช่วยได้เยอะมาก

F1 The Movie

ในส่วนของการแข่งจึงถือเป็นหมัดเด็ดไฮไลต์ของหนังอย่างแท้จริง เพราะนอกจากการถ่ายทำด้วยนะบบ IMAX ทั้งเรื่องจะช่วยให้ภาพของหนัะงมันใหญ่โตโอ่อ่ายิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว การออกแบบมุมกล้องสุดครีเอตของทีมงานยังราวกับจะกระชากวิญญาณคนดูลงไปในสนามด้วย ซึ่งนั่นคือเหตุผลตัวโตๆ ว่าทำไมต้องดูที่ IMAX เพราะผู้ชมจะได้เห็นการถ่ายทอดความคลั่งบนสนาม F1 อย่างเต็มตา และเสียงเครื่องยนต์สุดกระหึ่มจากลำโพง 12 แชนแนลรอบตัวที่ทำให้ F1 The Movie คือ "ภาพยนตร์" ที่ต้องดูใน "โรงภาพยนตร์" จริงๆ และหากให้ดีที่สุดคือ IMAX เท่านั้นครับ

สำหรับนักแสดงนั้นแม้เดมสัน อีดริสจะพอได้โชว์ของบ้างแต่ต้องยอมรับจริงๆว่านี่คือหนังของ แบรด พิท คือจะซีนเดี่ยว ซีนคู่ ซีนหมู่ ล้วนถูกลุงสุดหล่อวัย 62 คนนี้กินเรียบ คาริสม่าล้นแบบคนอื่นโดนเขมือบเอาง่ายๆ ช็อตกุ๊กกิ๊กจีบผอเทคนิคนี่ผมได้ยินเสียงกรี๊ดเขินๆ จากสาวๆ ในโรงด้วย อ้อ อาจจะเว้นอีกลุงอย่าง ฮาร์เวีย บาเด็ม ในบทเพื่อนซี้อย่างรูเบนที่มาในลุคคุณป๋ามหาเศรษฐีได้กร้าวใจหลายๆ คนเช่นกัน

F1 The Movie

ในบทสรุปภาพรวมของ F1 The Movie มันยังคงเป็นหนังสูตรสำเร็จที่จะทำให้คนดูสนุกไปกับมันได้ง่ายๆ มันมาพร้อมกับวิช่วลสุดคลั่งที่เราไม่สามารถเห็นกันได้แบบทุกเมื่อเชื่อวัน ถึงแม้เนื้อเรื่องอาจจะพอเดาได้ไม่หวือหว่า แต่ก็ยังมีลูกเล่นระหว่างทางที่ทำให้แม้จะคาดเดาได้ก็ยังไม่อาจละสายตาไปจากภาพตรงหน้า และสามารถเลี้ยงคนดูจนไปสู่ซีเควนซ์สุดท้ายที่ทำให้เราลุ้น กลัว ผิดหวัง ดีใจไปกับทีมของเฮย์สได้ราวกับทำงานอยู่ทีมเดียวกัน

สำหรับผมในการดูหนัง F1 The Movie มีให้ทุกอย่างที่ต้องการ ยกเว้นการเป็นหนังธรรมดา

F1 The Movie

VERDICT
9/10

ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม


ติดตามข่าวหนังอื่นๆ ได้ที่ Online Station

แชร์เรื่องนี้:
Dark_Libra
About the Author

Dark_Libra

Everything in this world comes down to the matter of ponytail

เรื่องที่คุณอาจสนใจ