รีวิวหนัง หลานม่า – ระเบิดเวลาของความธรรมดาสามัญ

คิดว่าตอนที่หลายๆ คนเห็นตัวอย่างของ หลานม่า ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ GDH ก็น่าจะพอเดาทางหนังได้ว่าเตรียมมาขายความฟูมฟายตอนท้ายแน่นอน ยิ่งพอมาพินิจพิเคราะห์หรือลองคาดเดาให้จริงจังมากขึ้น มันก็แทบจะมองทะลุเลยว่าหนังจะทำอะไรกับเรา และมันจะพาเราไปสู่จุดไหน รวมถึงความสัมพันธ์ของอาม่าผู้เดียวดายกับหลานชายที่หวังมรดก หากไม่มีการสับขาหลอกก็ยิ่งแน่ชัดถึงปลายทางสุดสายของมัน

และหลานม่าเองก็จริงใจในการโฆษณา จริงใจในการนำเสนอ ไม่แคร์ว่าจะเผยไต๋มากมายออกมาให้เห็นสักแค่ไหน เพราะจะอย่างไรเสียโลกนี้ก็ยังคงมีหนังที่เราสามารถรับรู้ทุกกระบวนท่า รับรู้ถึงวิธีการรับมือมันทั้งหมด แต่มันก็จะทำให้การเตรียมตัวของเราไร้ความหมาย และสุดท้ายก็ยอมพ่ายแพ้ให้กับมันอย่างเต็มใจ หลานม่าไม่ใช่หนังที่ซับซ้อน ไม่มีท่ายาก ไม่แม้จะพยายามโหมกระพือให้มวลความเศร้าเข้าทำปฏิกิริยากับหัวใจเราเสียด้วยซ้ำไป มันเต็มไปด้วยความเอื่อย ความเป็นธรรมชาติ ราวกับเวลาจริงของอาม่าที่ค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ อย่างแช่มช้ากระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ระเบิดเวลาซึ่งทำงานอย่างเงียบงันมาตลอดได้แสดงพลังของมัน

หลานม่า

นึกไปก็น่าแปลกไม่น้อย ซึ่งที่จริงก็คงเป็นเรื่องบังเอิญ เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนผมเพิ่งจะได้ดูหนังถอดสมองเต็มไปด้วยความกาวในทุกอนูและไม่มีอะไรที่จริงเลยอย่าง Godzilla x Kong ไป มาสัปดาห์นี้หนังที่ได้ดูกลับเต็มไปด้วยความจริงที่เราเห็นอย่างชินตาดาษดื่นในชีวิตประจำวันอย่าง หลานม่า ความจริงที่ไม่ต้องการฉากบิลด์อะไร ไม่ต้องมีแอคชั่นผาดโผน ไม่ต้องมีการสาดดราม่าเพื่อเร้าให้ฟูมฟายใดๆ เพียงความธรรมดาสามัญของความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ ฆ่าคนดูอย่างช้าๆ เพราะรับรู้อยู่เต็มอกว่าที่สุดแล้วหนังกำลังจูงมือพาเราไป ณ แห่งหนใด นี่คือความเหนือชั้นของ หลานม่า รู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รอดอยู่ดี

หลานม่า

แกนหลักของหลานม่าไม่มีอะไรมากไปกว่าหลานชายขี้เกียจทำงานแต่อยากรวยจึงกลับมาดูแลอาม่าเพื่อหวังมรดกในตอนท้าย อาจมีซับพลอตเข้ามาเพิ่มรสชาติของเนื้อเรื่องบ้างไม่ให้มันชืดจนเกินไป อย่างการพยายามจะเป็นที่หนึ่งในใจอาม่าโดยการหาทางกำจัดคู่แข่งไปในที แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันหลุดกรอบจากชีวิตประจำวันนัก หลายๆ เอเลเมนต์มันคือสิ่งที่พบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อมของบ้านและคนไทยเชื้อสายจีน ไม่เว้นแม้กระทั่งการเซ็ตฉากหรือโลเคชั่น แม้กระทั่งระบบสาธารณสุขที่ดูไม่พัฒนาไปไหนของประเทศนี้ก็จริงเสียจนยากมากที่จะไม่มีใครที่ไม่รีเลทเลยกับสักพาร์ทของตัวหนัง แม้กระทั่งตัวผมเองซึ่งไม่มีเชื้อจีนก็ยังมีรื้นๆ และชวนให้คิดถึงคุณยายที่ต่างจังหวัดอยู่ไม่น้อย

หลานม่า

สิ่งที่ได้เห็นในหนังซึ่งถูกถ่ายทอดอย่างละเมียดละไม จะกระตุ้นให้ผู้ชมได้เกิดความฉุกคิดโดยอัตโนมัติ มันทำงานกับเราโดยไม่รู้ตัว ไม่มีการบีบเค้นให้ฟูมฟายใดๆ แค่ไปเรื่อยๆ จนถึงเส้นชัยที่อยากจะเล่า ผู้ชมจะรีแอคแบบไหนไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะมันเป็นความปัจจักที่แม้แต่การตีความก็ไม่มีถูกผิด กระนั้นแม้หนังจะชูความสัมพันธ์ระหว่างอาม่ากับหลานเป็นหลัก แต่มันก็ยังมีความสัมพันธ์หรือการดิ้นรนรูปแบบอื่นๆ ห้อมล้อมอยู่ในถ้วนทั่วทุกตัวละคร ไม่ว่าจะเรื่องของครอบครัวคนจีนที่ลูกชายเป็นใหญ่ การดิ้นรนของวัยทำงานจนมองข้ามบางสิ่งที่เคยสำคัญ การยอมจำนนต่อบางอย่างของวัยรุ่นเพื่อแลกมาซึ่งหาทางไปต่อของชีวิต หรือแม้กระทั่งคนที่เคยโกรธเกลียดประเพณีที่ส่งต่อกันมาก็ยังสานต่อมันด้วยความเวทนาและเคยตัว คุณอาจเห็นคนรู้จักสักคนอยู่ในหมู่ตัวละครภายในเรื่อง บทหนังไม่มีความประดักประเดิดประดิษฐ์ประดอย จริงเสียจนเส้นแบ่งของความเป็นภาพยนตร์มันพร่าเลือนเหลือเกิน

หลานม่า

แต่สิ่งที่เล่ามาด้านบนมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดซึ่งนักแสดงที่ดี และหลานม่าก็มีทีม Cast ที่แข็งแกร่งมากๆ ไม่ว่าจะนักแสดงหลักหรือสมทบ เมื่อถึงซีนของตนก็ล้วนมีโมเมนต์ให้น่าจดจำแทบทั้งสิ้นไม่มีใครจมกว่าใคร แต่แน่นอนว่าสปอตไลต์ยังไงก็ต้องจับไปที่คู่ “บิวกิ้น – ยายแต๋ว” กับเคมีระดับมหัศจรรย์ที่ผู้ชมต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่างกับยายหลานจริงๆ สำหรับบิวกิ้นแม้ผมอาจจะไม่ได้ติดตามผลงานขนาดนั้น แต่ก็พอรับรู้ว่าเป็นศิลปินที่มีฝีมือครบเครื่องคนหนึ่งของวงการ และยิ่งประจักษ์ชัดในเรื่องนี้โดยเฉพาะซีนช่วงท้ายกับการร้องไห้ที่ต้องมี 3-4 อารมณ์ผสมปนเปกันไปทั้ง สุข-เศร้า-เหงา-ฝืน ซึ่งเจ้าตัวแสดงสีหน้าออกมาได้น่าทึ่งมากๆ ส่วนยายแต๋วนี่คือของจริงสุดๆ ครับ และยิ่งน่าตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเรื่องนี้คืองานแสดงชิ้นแรกของยายแก ทุกมูฟเมนต์ของยาย หรือการแสดงสีหน้าสีตา คำพูดคำจาเป็นธรรมชาติแบบแทบจะไร้การปรุงแต่งใดๆ สุดยอดมากจริงๆ

หลานม่าดูเป็นงานภาพยนตร์ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ลึกซึ้งในจังหวะจะโคนการเล่าเรื่อง แบบที่ทุกๆ อย่างมันถูกต้องไปเสียหมด มันคือความธรรมดาที่แม้เราอาจจะชินตา แต่พอถูกฉายให้เห็นในหลากมิติมุมมองมากขึ้น มนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ล้วนมีสัมพันธ์หรือความรักกับบางสิ่งก็จะถูกกระตุ้นให้คิดต่อจนเตลิดไกลได้ไม่อยากเมื่อมันถูกทริกเกอร์ แม้ว่าหนังจะไม่บีนเค้นหรือเรียกร้องอะไรจากเรามากไปกว่า “ช่วยนั่งฟังเรื่องที่อยากเล่าให้จบหน่อยแล้วกันนะ” ก็ตาม

ตราตรึง กินใจ แม้เตรียมรับทุกกระบวนท่า แต่ก็ถูกกัดกินช้าๆ จนบ้อท่าโดยไม่รู้ตัว “หลานม่า” ผลงานภาพยนตร์ไทยเปี่ยมคุณค่า ที่อยากให้มาพิสูจน์กันในโรงภาพยนตร์ครับ

หลานม่า

VERDICT
9/10

ดูรอบและสำรองที่นั่งได้ที่ – https://majorcineplex.com/movie/lahn-mah

ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้