ซีรีส์ Parasyte: The Grey – 3 ตอนแรกกับเหล่าปรสิตบนแผ่นดินเกาหลีใต้!

สวัสดีครับวันนี้ทาง Online Station เรามาพร้อมกับคอนเทนต์พิเศษจากทาง Netflix ที่ให้ทางเราได้รับชมซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ Parasyte: The Grey กันแบบก่อนฉายจริงช่วงต้นเดือนนี้ ซึ่งผมซึ่งดูมาแล้วจะมาบอกเล่ากันแบบไม่สปอยล์ว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร และกับผู้ที่เคยอ่านมังงะหรือรับชมภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาแล้วจะยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ครับ

ก่อนอื่นเลย Parasyte: The Grey เป็นซีรีส์ที่มีต้นทางมาจากมังงะญี่ปุ่นชื่อเรื่องเดียวกันอย่าง Parasyte (Kiseijuu ปรสิตเดรัจฉาน) ผลงานของ ฮิโตชิ อิวาอากิ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานมังงะสุดคลาสสิคที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดดเด่นทั้งในแง่เนื้อหา การวิพากษ์สังคม รวมไปถึงการต่อสู้และจังหวะการเดินเรื่องที่สนุกเข้นข้นแต่ต้นยันจบ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานสุดครบเครื่องที่หากใครชอบมังงะ Seinen เนื้อหาแน่นๆ และงานภาพคุณภาพก็ยังอยากลองให้หามาอ่านกันแม้จะในปี 2024 แล้วก็ตาม

Parasyte: The Grey

กลับมาที่เนื้อหาหลักของเรากันบ้างใน Parasyte: The Grey ตัวซีรีส์เกาหลีจะไม่ได้ถูก Adaptation มาจากมังงะญี่ปุ่นโดยตรง แต่เป็นการนำเซ็ตติ้งโลกของปรสิตมาขยายความให้มากขึ้น เนื่องจากตัวผู้กำกับอย่างคุณ ยอนซังโฮ ก็เป็นแฟนมังงะเรื่องนี้ตัวยง และจินตนาการมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าหากเหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นบนแผ่นดินเกาหลีบ้างจะเป็นอย่างไร พี่แกจึงติดต่อกับทางคุณ อิวาอากิ ผู้เขียนต้นฉบับและนำเสนอไอเดียของ Parasyte: The Grey ไป ก่อนได้รับการเห็นชอบและกลายเป็นการพัฒนาโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมา

Parasyte: The Grey

ตัวซีรีส์มีความยาวประมาณ 6 ตอน ซึ่งอาจจะสั้นไปสักหน่อยหากเทียบกับซีรีส์เรื่องอื่นๆ จากประเทศเดียวกัน ทว่าในความสั้นก็มาพร้อมกับความกระชับฉับไวของเนื้อเรื่องที่ตรงประเด็น ไม่ยืดเยื้อหรือนอกลู่นอกทางจนเกินงาม สำหรับ 3 ตอนแรกนั้นจะเป็นการแนะนำสถานการณ์และปมของตัวละครหลักไม่ว่าจะตัวนางเอกที่โดนสิงร่างแต่ไม่เต็มร้อย, พระเอก(?) อันธพาลไม่เอาอ่าวที่ตกกระไดพลอยโจร หรือหัวหน้าหน่วยทีมเกรย์ที่แค้นฝังหุ่นพวกปรสิตเพราะพรากสามีเธอไป

Parasyte: The Grey

พอตัวละครหลักมีไม่เยอะก็เข้าประเด็นได้ง่าย และยังแวะไปขยายภาพของพวกปรสิตได้มากขึ้นอื่นด้วย ตัวเรื่องดูจะเน้นเรื่องการ “เอาตัวรอด” เป็นหลัก ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตอยู่ ไม่เว้นแม้แต่พวกปรสิตที่ก็มีเฟิร์สไพรออริตี้เป็นความอยู่รอดของพวกตนเช่นกัน ทั้งนี้เมื่อการเซ็ตโลกและเล่าประเด็นต่างๆ ได้เข้าที่เข้าทางระดับหนึ่งแล้ว ก็จะมีเทิร์นนิ่งพอยต์สำคัญซึ่งช่วยเร่งความน่าติดตามของเรื่องเกิดขึ้นในจังหวะพอดิบพอดีครับ

Parasyte: The Grey

ทั้งนี้นอกจากตัวนางเอกแล้วเนื้อเรื่องก็ยังให้น้ำหนักกับทีมเกรย์ หรือหน่วยคอมมานโดพิฆาตปริสิตของเกาหลีใต้อย่างมีนัยยะ ดังนั้นในเรื่องของฉากต่อสู้มันก็จะไม่ได้มีแค่การดูปรสิตสู้กัน แต่ยังมีคิวบู๊ที่เป็นหน่วยปราบปรามซึ่งใช้กำลังคนและแทคติคในการสู้กับปริสิตอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยครับ และถึงแม้ซีนแอคชั่นพวกนี้อาจจะไม่ได้มีเยอะถี่ขนาดนั้น แต่มาแต่ละครั้งก็จะมีความหมายของมัน และก็ดุเดือดฉับไวใช่เล่นไม่เอื่อยเฉี่อย ถึงเลือดถึงเนื้อกันอยู่ประมาณหนึ่งเลย

Parasyte: The Grey

แล้วก็เรื่องนี้มีฉากรุนแรงเยอะเหมือนกัน ดังนั้นน้องๆ หนูๆ มีผู้ปกครองดูอยู่ด้วยก็น่าจะดีครับ นอกจากนี้คุณภาพ CG ก็โอเคเลยไม่มีแย่ สำหรับครึ่งเรื่องหรือ 3 ตอนแรกที่ได้ดูไป ถือว่าน่าติดตามต่อทีเดียวครับ ใครที่เป็นแฟนมังงะหรือภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนี้ ซีรีส์ Parasyte: The Grey เป็นอีกหนึ่งผลงานที่อยากให้ลองได้รับชมกันครับ ในส่วนของรีวิวเต็มๆ หลังจากรับชมครบแล้วมาแน่นอนครับ รอติดตามกันได้เลย!

Parasyte: The Grey มีกำหนดฉายทาง Netflix วันที่ 5 เมษายนนี้


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้