ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของซีรีส์ The Witcher บน Netflix จะดูไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากนักแสดงนำอย่าง Henry Cavill จะประกาศถอนตัวออกจากบทบาทของ Geralt ในซีรีส์หลักแล้ว ตอนนี้ตัวซีรีส์ภาคแยกอย่าง The Witcher: Blood Origin ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ก็กำลังโดนนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes หรือที่เรารู้จักกันดีในนามเว็บมะเขือเน่าสับเละจนได้คะแนนไปเพียง 42% เท่านั้น ถือว่าเป็นคะแนนที่ต่ำจนน่าเป็นห่วงเลยละค่ะ
ท่าจะไปไม่สวยเสียแล้ว!
สำหรับซีรีส์ The Witcher: Blood Origin นั้นจะบอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วง 1,200 ปีก่อนเหตุการณ์ในซีรีส์ The Witcher ภาคหลัก โดยจะกล่าวถึงชีวิตของนักดาบเผ่าเอลฟ์นาม Scian ที่ต้องไปตามหาทวงดาบศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่ากลับคืนมา และเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์ Conjunction of Spheres ที่เป็นการผสานรวมโลกทั้งหลายเข้าด้วยกัน อันเป็นจุดเริ่มต้นหลักที่ทำให้โลกวิชเชอร์มีปีศาจและสิ่งมีชีวิตประหลาดต่าง ๆ โผล่ออกมาค่ะ
แม้จะมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ทว่าตัวซีรีส์กลับทำคะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ไปได้เพียง 42% จากจำนวนนักวิจารณ์ทั้งหมด 12 คนเท่านั้น มิหนำซ้ำ คำวิจารณ์ที่มีการเผยออกมายังค่อนข้างจะรุนแรงเอามาก ๆ เสียด้วย ตัวอย่างเช่นคำวิจารณ์ของคุณ Therese Lacson จากเว็บไซต์ Collider ที่วิจารณ์เอาไว้ว่าตัวหนังนั้นมีจังหวะหยุดพักมากเกินไป ซ้ำยังมีจังหวะที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนและมีประเด็นดราม่ามากเกินไป ทำให้ซีรีส์โดยรวมมีความเรียบง่ายทั้ง ๆ ที่มันควรจะโชว์ให้เห็นถึงความลุ่มลึกของแต่ละตัวละครค่ะ
คุณ Bradley Russell จากเว็บไซต์ GamesRadar+ ก็ได้กล่าวเอาไว้เช่นกันว่าหากนำซีรีส์นี้ไปเปรียบกับซีรีส์แฟนตาซีอื่น ๆ อย่าง House of the Dragon และ The Rings of Power มันคงตกไปอยู่ในอันดับท้ายสุด เพราะแทนที่มันจะช่วยขยายความเรื่องราวความเป็นมาของโลกวิชเชอร์เพิ่มมากขึ้น แต่สุดท้ายมันกลับทำเช่นนั้นไม่ได้ เช่นเดียวกับคุณ Cameron Frew จากเว็บไซต์ Dexerto ที่ก็ออกมากล่าวว่าให้ข้าม ๆ ซีรีส์นี้ไปแล้วไปเล่น The Witcher 3 แทนดีกว่าค่ะ
หากอยากทราบด้วยตนเองว่าซีรีส์นี้จะดีหรือแย่แค่ไหน รอติดตามตัวซีรีส์ของจริงได้บน Netflix ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้เลย
ที่มา: GamingBible
ติดตามข่าวภาพยนตร์อื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net
