รีวิว The Batman - ความตึง 3 ชั่วโมงที่ตรึงผู้ชมไว้ได้อย่างอยู่หมัด!

แชร์เรื่องนี้:
รีวิว The Batman - ความตึง 3 ชั่วโมงที่ตรึงผู้ชมไว้ได้อย่างอยู่หมัด!

บางทีเราก็คิดสงสัยว่าฮีโร่ที่ถูกผลิตซ้ำในสื่อฯ ต่างๆ จนทะลุปรุโปร่งขนาดนี้จะยังมีแง่มุมไหนให้พูดถึงกันอีก? เราเคยมีแบทแมนที่ฮีโร่จ๋าๆ แบทแมนหนังอาชญากรรม แบทแมนกับทีมซูเปอร์ฮีโร่ฟัดมนุษย์ต่างดาว นับรวมไปถึงเกมแบทแมนอีกหลายต่อหลายภาค ที่ทำให้เรารู้สึกรู้จักกับแบทแมนราวกับเป็นป้าข้างบ้านของบรูซ เวย์นก็ไม่ปาน

The Batman

พอบอกว่าจะทำ Batman ที่มีความดาร์กขึ้น เราก็สงสัยอีกแหละว่าจะดาร์กไปถึงไหนที่ผ่านมาก็ผลิตโดยที่คำนึงถึงโทนดาร์กอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? แม้กระนั้นก็เพราะสารพัดสารเพเหตุผลที่คลางแคลงต่อ The Batman นี่แหละก็เป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ทำให้อยากดูมันมากขึ้น เพราะปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าฮีโร่รายนี้มีมนต์เสน่ห์ที่ต่างจากตัวอื่น และผู้กำกับ Matt Reeves ก็ทำ The Batman ออกมาเพื่อพิสูจน์ให้ได้เห็นกันว่ามนุษย์ค้างคาวรายนี้ยังมีอีกหลายมุมมองให้ได้ต่อยอดหรือพูดถึง

มันไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน ไม่ใช่ทุกคนที่จะสนุกสนานไปกับมัน คุณต้องตอบตัวเองก่อนว่าอยากดู "หนังแบทแมน" หรือ "หนังแอคชั่นแบทแมน" ถ้าเป็นอย่างหลังการหักหัวเลี้ยวหนีไปก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากลงใจว่ายังไงก็จะเข้ามาดู "หนังแบทแมน" ล่ะก็

ขอต้อนรับสู่ Gotham City ในเวอร์ชั่นที่ดูเสื่อมทรามเละเทะที่สุดตั้งแต่ที่เคยเห็นมาบนแผ่นฟิล์ม



***บทความนี้ไม่มีสปอยล์

The Batman เป็นหนังจากวอร์เนอร์ที่ไม่อยู่ใน DCEU ดังนั้นแล้วตัวผู้กำกับอย่าง Matt Reeves ก็มีอิสระพอสมควรในการจะจับนู่นจับนี่มารังสรรค์ให้เป็นแบทแมนในแบบของเขาเอง ไม่ต้องคำนึงว่าต้องเชื่อมไปถึงฮีโร่ตัวอื่นหรือจะมีการรวมทีมใดๆ ไหม ในแง่หนึ่งมันจึงราบรื่นในการจะสร้าง "ความใหม่" ขึ้นมา เพราะก่อนหน้าหนังอย่าง Joker เองก็ทำให้เห็นมาแล้วว่าประสบความสำเร็จได้ขนาดไหน

ตัวหนังจึงมาในแนวทางที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่ไตรภาคระดับขึ้นหิ้งของเด็จพ่อโนแลนด์ยังไม่มาสุดทางขนาดนี้ กับการเป็นหนังสืบสวนสอบสวนฟิล์มนัวร์เต็มขั้นชนิดที่ความเป็นแบทแมนกลายเป็นภาพที่ขัดแย้งและแปลกประหลาดต่อโทนหนังโดยสิ้นเชิง อย่างที่ตัวละครในเรื่องหลายๆ คนก็รู้สึกว่าแบทแมนไม่ใช่ฮีโร่แต่เป็นศาลเตี้ยสติเพี้ยนที่แต่งตัวประหลาดๆ โฉบเดินไปมาก็เท่านั้น

The Batman

มันเป็นหนังที่มีการตีความใหม่หลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ ความเป็นสัญญะ แตะในประเด็นที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง รวมไปถึงวิพากษ์เรื่องสังคมชนชั้นและการทุจริตในแวดวงราชการกันแบบไม่อ้อมค้อม

The Batman จึงเป็นหนังที่มีมวลความตึงตั้งแต่ต้น จังหวะจะโคนค่อยเป็นค่อยไป เล่าเรื่องไม่รีบร้อน ไม่มีจุดเร่ง แต่ก็ไม่มีจุดที่ผ่อนหรือหยุด ทุกๆ นาทีที่ผ่านไปมันอาจไม่เร็วแต่เนื้อเรื่องก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ หากปวดห้องน้ำแค่แป๊บเดียวก็อาจตามเรื่องราวไม่ทัน ดังนั้นก็อยากให้เตรียมตัวกันไห้ดีกับ 3 ชั่วโมงของหนังที่จะค่อยๆ บีบรัดคุณด้วยความเครียดแทบไม่มีผ่อน เหมือนเอสเพรสโซ่เข้มๆ ที่ทำเอาคุณต้องคิ้วขมวดกับรสข้นคั้นของมันในทุกๆ อนูที่ลิ้นได้ผ่านสัมผัส และเพราะรสหลักเป็นแบบนั้นมันจึงไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะเอนจอยหรืออดทนได้ไหวไปตลอดรอดฝั่ง

The Batman

ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนดูจะเห็นพ้องก็คืองานด้านภาพที่งดงามในทุกฉากทุกซีนราวกับถูกคราฟต์มืออย่างพิถีพิถัน มีการคุมโทนภาพ หรือบางฉากก็ใช้สีตัดกันได้อย่างโดดเด่น กระทั่งการใช้งานภาพสื่อความรู้สึกหรือมู้ดของหนังก็ค่อนข้างชัดเจนเข้าใจได้ไม่ยาก ทั้งในทางกลับกันภายใต้ความงดงามที่ว่า ตัวหนังก็ยังถ่ายทอดความฟอนเฟะเฉอะแฉะและไม่น่าอยู่ของ Gotham ได้อย่างถึงแก่น เห็นได้ชัดเลยว่าทำไมเมืองนี้จึงต้องการความเปลี่ยนแปลงเร่งด่วน เรียกได้ว่าในสาขาที่เกี่ยวกับงานภาพอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเข้าชิงสักงาน

The Batman มาแนวหนังสืบสวนสอบสวนเต็มขั้นและเน้นเชือดเฉือนกันด้วยบทสนทนา ดังนั้นภายในเรื่องจึงเต็มไปด้วยไดอาล็อกน่าสนใจ ซึ่งมีทั้งคำคมๆ หรือการใช้วาจาและภาษาเพื่อล่อลวงอีกฝ่ายให้เดินตามเกมตนเอง ดังที่ตัวร้ายหลักอย่าง Riddler ได้ลงมือกระทำไว้อย่างแสบสันต์ ทั้งๆ ที่ก็เป็นแค่คนมายด์เบรคทั่วๆ ไป ไม่ได้มีพลังพิเศษหรือแบคอัปใดๆ เลย เพียงความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นที่ขับให้เขามาไกลจนกลายเป็นจอมวายร้ายได้ขนาดนี้

The Batman

บทแอคชั่นก็ไม่ค่อยจะมีนัก แต่มาทีก็ดีงามในการออกแบบคิวบู๊หรือท่วงท่าที่ดูเก่งจริงและทรงพลังไม่ว่าจะของแบทแมนเองหรือกระทั่งตัวของแคทวูแมน เรียกได้ว่าน้อยแต่มาก ถ้าต้องเทียบกับฉบับโนแลนก็ต้องบอกว่าซีนแอคชั่นโนแลนเยอะกว่า แต่ท่วงท่าของฉบับนี้ดุเดือดได้เลือดได้เนื้อมากกว่านั่นเอง

อย่างไรก็ดีส่วนตัวแล้วแม้ในภาพรวมตัวหนังจะปูโทนได้จริงจังและค่อนข้างคลอบคลุมความรู้สึกพอสมควร แต่เมื่อลงลึกไปในรายละเอียดปลีกย่อยบางส่วน ก็กลับรู้สึกว่าตัวหนังยังขาดการเชื่อมต่ออารมณ์กับคนดูอยู่บ้าง หรืออย่างปริศนาของ Riddler ที่ก็คือต้องอาศัยไหวพริบและความเข้าใจทางภาษาสักหน่อย ถ้าตามไม่ทันนิดเดียวก็อาจหลุดไปเลย ซึ่งถ้าหลุดก็จะไม่ทันได้คิดตาม และกลายเป็นว่าไม่อาจอินในสิ่งที่ Riddler กำลังชักจูงนัก ส่งผลให้ความสนุกความลุ้นถูกทอนไปโดยปริยาย

The Batman

Robert Pattinson ในบทบาทแบทแมนคนใหม่ทำหน้าที่ได้อย่างดี สอบผ่านหมดจรด เขาดูเป็นแบทแมนที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองแต่ก็ตั้งคำถามในสิ่งที่ทำอยู่ สับสนในผลลัพท์กับเจ็บปวดต่อแผลในอดีตที่ยังคงกัดกินหัวใจไม่เว้นวาย แม้ว่าเราจะเห็นใบหน้าเต็มๆ ตอนเขาเป็น บรู๊ซ เวย์น น้อยมากเพราะพี่แกสวมหน้ากากอยู่ตลอด แต่ในหลายๆ ฉากก็ยังแสดงอารมณ์ผ่านแววตาได้อย่างดี อย่างน้อยๆ แม้อาจไม่โดดเด่นนัก แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร

ในขณะที่นักแสดงรายอื่นๆ ที่โดดเด่นออกมาก็คงเป็นตัวของ Paul Dano หรือพี่ Riddler ของเราที่แสดงออกมาได้ดูจิตมากๆ เล่นเอาหลอนไปเลย ส่วนรายอื่นๆ ก็ไม่มีใครแย่ เพราะว่าทำได้ดียกชุด ในจุดนี้ก็ต้องยกเครดิตการคุมงานทั้งมวลให้กับ Matt Reeves ไปที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมแทบจะทุกองค์ประกอบ

The Batman

ผมอยากย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะดู The Batman ได้สนุกหรือชอบมัน เทสต์แต่ละคนไม่เหมือนกันและเป็นเรื่องของปัจเจก แต่หากได้รับชมอย่างจริงจังก็คงไม่อาจปฏิเสธได้ถึงความตั้งใจในทุกองค์ประกอบ และความพยายามจะพาตัวละครนี้ไปในเวย์ใหม่ๆ ไม่ใช่หนังทำลวกๆ ที่แค่เอาชื่อของแบทแมนมาหากินอย่างแน่นอน ตัวผมเองแค่ได้เสพย์งานด้านภาพก็นับว่าคุ้มแล้ว แนะนำว่าอย่างน้อยๆ ถ้าสนใจ The Batman ก็อย่ารีรอครับ มาดูในโรงภาพยนตร์นี่แหละ ถ้าไม่ใช่จอใหญ่ๆ ที่ถ่ายทอดองค์ประกอบภาพให้ได้เห็นชัดเจนก็คงรู้สึกว่าเสียของแย่เลย

The Batman

ขอขอบคุณ Major Cineplex ที่สนับสนุนการชมภาพยนตร์ในครั้งนี้ครับ


VERDICT

8.5/10


ดูรอบหนัง และจองตั๋วได้ คลิกที่นี่ https://bit.ly/TheBatmanOS

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ