Sonic The Hedgehog รีวิว - ทำให้ดีก็ทำได้นี่หว่า!
Sonic The Hedgehog ภาพยนตร์ซึ่งสร้างจากเกมชื่อเดียวกันของ SEGA ก่อนหน้าหลายๆ คนคงไม่ได้บังเกิดความสนใจอะไรมันนัก ถึงแม้ในหมู่แฟนๆ อาจจะมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ในวงกว้างต้องบอกว่าผู้คนดูจะไม่ยินดียินร้ายเท่าไหร่ในตอนประกาศสร้างเป็นภาพยนตร์ Live-Action
กระทั่งการปรากฎตัวของเทรลเลอร์แรกเท่านั้นแหล่ะ ที่ทำเอาทั่วโลกเดือดดาลกันเป็นนแถบ ขนาดว่าแฟนห่างๆ ที่อาจไม่ได้อินอะไรนัก หรือบางคนก็แค่รู้จักกับรูปลักษณ์ของมันเท่านั้น ยังต่างรู้สึกตรงๆ กันว่าดีไซน์ตัว Sonic เวอร์ชั่นภาพยนตร์มันดูเกินรับจริงๆ ส่งผลให้ตา Jeff Fowler ผู้กำกับต้องออกมาทวีตว่าจะกลับไปแก้โมเดลใหม่ พร้อมเลื่อนฉายเป็นปี และภายหลังวิบากกรรมทุกลักทุเล ทั้งงบบานปลาย, คนแก้ CG ทำงานไม่ได้หลับได้นอน แถมบริษัทยังขาดทุนจนต้องปิดตัว ในที่สุดเทรลเลอร์ตัวที่ 2 ก็ปรากฎพร้อมดีไซน์ Sonic ที่ทำให้แฟนๆ ใจชื้นได้เสียที ซึ่งนับแต่นั้น Sonic The Hedgehog ก็ถูกจับตาในฐานะหนังจากเกมที่มีแววเสี่ยงเจ๊งสูงทันที ทว่ามันกลับสร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยคำวิจารณ์ที่ดีกว่าที่คาด และรายรับเปิดตัวระดับที่กลายเป็นเจ้าของสถิติใหม่ในหมู่หนังจากเกม ก็ทำให้ตัวหนังมีแนวโน้มในทางที่ดี และแม้จะผ่านไปเกือบอาทิตย์แล้วแถมไม่มีใครเชิญไปดูรอบสื่อฯ ผมจึงตัดสินใจควักเงินไปดูเองเพื่อมารีวิว เพราะอย่างน้อยก็อยากจะคารวะหัวจิตหัวใจของทีมงานภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
ออกตัวไว้ก่อนว่าผมเองไม่ใช่แฟน Sonic ขั้นเข้มข้นอะไรนัก เคยแค่ผ่านตารูปลักษณ์ตามประแสคนตามข่าววงการเกม หรืออย่างมากก็แค่เคยจับเกมจริงๆ มาบ้างประมาณ 3-4 ตัว แต่ถ้าให้ถามถึงเนื้อเรื่องหรือตัวละครอื่นๆ นอกจาก Sonic, Tail และ Dr. Eggman แล้วล่ะก็บอกเลยว่าแบลงค์มากๆ นอกจากนี้ยังพอเดาทางหนังได้ว่าจะมาอีหรอบไหน ดังนั้นความคาดหวังหลังตีตั๋วเข้าไป จึงเหลือแค่ขอให้มันได้ความบันเทิงก็พอ
ช่วงเปิดเรื่องเพื่อเล่าความเป็นมานี่ไวจัดสมชื่อ Sonic เลย แต่เพราะหนังไม่ได้เน้นอัดข้อมูลจำเพาะอะไรนัก ทำให้แม้จะไปไวแต่คนดูก็ไม่ได้งงอะไรนัก สามารถตามทันได้ไม่ยากเท่าไหร่ ในขณะที่ตัวเอกฝั่งคนอย่างทอม เนื้อเรื่องก็ปูให้ดูเรียบง่ายเข้าไว้ว่าหมอนี่เป็นนายอำเภอ เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อให้การโยงเข้ากับ Sonic มีเหตุผลง่ายๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมทั้ง 2 จึงต้องมาช่วยกัน แม้กระนั้นก็หย่อนปมไว้นิดๆ เรื่องเกี่ยวกับบ้านและคนที่รัก เมื่อฝ่ายหนึ่งอยากไปจากบ้านนอกที่อยู่มาตั้งแต่เกิดเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายอยากจะหาที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งหลังต้องระเห็จไปมาอยู่เป็นสิบปี เกิดเป็นดราม่าเล็กๆ ที่อาจไม่ได้ระทมกบาลเท่าไหร่ แต่ก็จัดว่าเพิ่มสีสันได้พอสมควร
อย่างไรก็ดีตัวละครฝั่งคนที่จัดว่าเด็ดดวงจริงๆ ก็คงต้องยก จิม แครี่ ในบท Dr. Eggman เพราะเราสามารถพูดได้ว่าหนังครึ่งเรื่องอยู่บนบ่าของเขา บุคคลิกของตัวละครนี้เรียกว่าจัดจ้าน เรียกซีนให้ตัวเองได้อย่างสุดเจ๋ง และเป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าสามารถเชื่อมโลกของเกมและไลฟ์แอคชั่นได้อย่างดี เสมือนภาพลางๆ ที่ซ้อนทับกัน ซึ่งตรึงให้เราอยู่กับมันได้อย่างสนุกสนานจนจบเรื่อง
ในภาพรวม Sonic The Hedgehog เป็นหนังที่ดูได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา สนุกแบบใสๆ สะอาดๆ ไม่ต้องคิดเยอะไม่ต้องตีความแยะ ซึ่งพอโมเดลของตัว Sonic มันเข้าท่าก็เหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่พา Sonic The Hedgehog บินสูงและทำเงินเกินกว่าที่หลายคนจะคาดคิด ชนิดที่ว่าภาคต่อที่ทิ้ง Hint ไว้ในเรื่องมีแววเป็นไปได้สูงมากๆ เลยล่ะครับ
Verdict
7.5