The Divine Fury มือนรก พระเจ้าคลั่ง - รีวิว เมื่อการสวดไล่ผีไม่ทันใจ ปล่อยหมัดตรงใส่ดูจะเข้าท่ากว่า!
The Divine Fury มือนรก พระเจ้าคลั่ง เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมภาพยนตร์เกาหลีที่ผมให้ความสนใจตั้งแต่ที่ได้รับรู้ถึงตัวตนของมันครั้งแรก แม้เอาจริงๆ จะรู้สึกว่าดูเทรลเลอร์แล้วไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ทว่ากับหนังเกาหลีฉาบความแฟนตาซีเรื่องล่าสุดที่ได้ดูอย่าง Along with the god ทั้ง 1 และ 2 ก็ค่อนข้างประทับใจพลางรู้สึกว่าหนังแฟนตาซีสัญชตินี้ค่อนข้างมีของพอสมควร
เนื้อเรื่องจะโฟกัสที่พระเอก พาร์ค ยงฮุน แชมป์โลก MMA รุ่นเวลเตอร์เวทผู้มีเชิงมวยดุดัน แต่ในอดีตเขาเคยสูญเสียพ่อไปสมัยเด็กๆ เขาซึ่งเคยเป็นคนเคร่งในศาสนาคริสต์จึงตั้งคำถามต่อความเชื่อที่ฝังหัวตัวเองว่าเหตุใดพระเจ้าจึงไม่ช่วยคนดีๆ อย่างพ่อเขา และกลายเป็นต่อต้านตั้งแต่นั้น กระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับบาทแผลบริเวณฝ่ามือพร้อมพลังบางอย่างที่เหนือมนุษย์ ซึ่งเขาคงทำใจรับมันได้มากกว่านี้หากไม่ได้มีบาทหลวงดันมาบอกว่ามันคือพลังจากพระเจ้าที่มอบให้เขากำราบปีศาจ
ตัวหนังเล่นกับความคอนทราสต์กันในแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชื่อหนัง โทนเรื่อง เพื่อสะท้อนความขัดแย้งในคาแรคเตอร์ของยงฮุนที่ประกาศตัวว่าเกลียดพระเจ้า แต่ดันมีพลังจากพระเจ้าที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุดในด้านการปราบผี เพราะเมื่อเทียบกับบาทหลวงทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ บาทหลวงอาน มือดีชาวเกาหลีที่ถูกส่งตรงมาจากวาติกัน ก็ยิ่งเห็นภาพชัด เพราะขนาดเป็นตัวท็อปการจะไล่ปีศาจระดับทั่วๆ ไปได้ ก็ยังต้องมีการเตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์ ท่องบทสวดยาวเฟื้อย สลับบทสวดไปมาให้เข้ากับสถานการณ์ แหกปากตะโกนข่มขู่ผีจนคอแทบแตก เรียกว่ากว่าจะไล่ได้สักตัวต้องเสียแรงเสียเวลาไม่น้อย เหมือนกับที่เรามักเห็นในภาพยนตร์แนวไล่ผีจากฝั่งตะวันตก ขณะที่ยงฮุนเพียงแค่เอามือแปะที่ศีรษะของร่างพาชนะก็สามารถไล่ผีได้แล้ว ความสะดวกสบายต่างกันเห็นๆ ไม่ต้องเปลืองแรง ไม่ต้องสวด ไม่ต้องอ้อนวอนกับพระเจ้าใดๆ ทั้งสิ้น
ซึ่งเอาจริงๆ ผมคิดว่า The Divine Fury มีความเป็นการ์ตูนผู้ชายอยู่สูง ตัวเอกกับพลังที่ไม่อยากยอมรับกับการก้าวข้ามความขัดแย้งในตัวเองเพื่อกลายเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม ส่วนเนื้อเรื่องแก่นหลักก็ไม่ได้ซับซ้อนนัก แต่อาศัยการค่อยๆ บิวต์อารมณ์คนดูตลอดเรื่องเพื่อไปจบในซีเควนซ์ท้ายๆ เสริมด้วยประเด็นการพูดถึงความศรัทธาประมาณหนึ่งเพื่อเคลัยร์ใจทางให้เนื้อเรื่อง
โดยรวมๆ ก็ถือว่าสอบผ่านสนุกสนานไม่น้อย แถมยังปูทางให้มีภาคต่อกับสปินออฟเป็นมาร์เวลอีกต่างหาก อย่างไรก็ดีข้อเสียของหนังคือความพยายามจะเป็นหลายอย่างทำให้ไม่สุดสักทางไม่ว่าจะด้านดึงดราม่า ความน่ากลัว หรือกระทั่งฉากบู๊ที่อยู่ในระดับ "เกือบดี" เท่านั้น เพราะเอาตรงๆ ค่อนข้างคาดหวังการต่อสู้ในองค์สุดท้ายพอสมควร นอกจากนี้ยังเดินเรืองอืดอาดในบางช่วงจนชวนให้หาวอยู่ไม่น้อย ซึ่งหากภาคถัดไปแก้ตรงนี้ได้ก็จะเยี่ยมมาก
The Divine Fury มือนรก พระเจ้าคลั่ง ถือเป็นหนังที่มีความสดใหม่และน่าสนใจ แม้จะรู้สึกว่าควรเข้มข้นกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็ยังควรค่าต่อการรับชม โดยเฉพาะสาวๆ เพราะหนุ่มๆ เรื่องนี้งานดีจริงๆ เชียว
7/10