Final Destination จะได้ Reboot แล้วโดยมือเขียนบท Saw

แชร์เรื่องนี้:
Final Destination จะได้ Reboot แล้วโดยมือเขียนบท Saw

New Line Cinema เตรียมนำเอาอดีตหนังสยองในตำนานอย่าง Final Destination กลับมาสร้างใหม่แล้ว และในครั้งนี้ก็จะได้ทาง Patrick Melton และ Marcus Dunstan สองมือเขียนบทจาก Saw ภาคต่อมามีส่วนร่วมในการสร้างครั้งนี้ด้วย

New Line Cinema เป็นหนึ่งในค่ายหนังที่เป็นที่เลื่องลือมานานในการสร้างตำนานความสยองขวัญในระดับขึ้นหิ้งมากมายไม่ว่าจะเป็น A Nightmare on Elm Street ที่ทำให้เราได้รู้จักตัวละครอย่าง Freddy Kruger มาจนถึง Friday the 13th ที่ทำให้เราได้รู้จักตัวละครอย่าง Jason Voorhees และไอ้หน้าหนัง Leatherface จาก The Texas Chainsaw Massacre

(ภาพจาก: Fan Fest)

และท่ามกลางผลงานสยองขวัญสั่นประสาทมากมายมันก็มีหนังอีกหนึ่งเรื่องได้กลายเป็นความคัลท์ที่หลายคนยังพูดถึงกันอยู่ในทุกวันนี้กับภาพยนตร์เรื่อง Final Destination ที่ได้ออกฉายไปเมื่อปี 2000 กับเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ชะตากรรมควรถึงฆาตแต่ดันมีภาพนิมิตบางอย่างมาทำให้พวกเขาไม่ตาย จนได้นำไปสู่เหตุการณ์อันสุดสยองที่ทำให้พวกเขาล้วนต้องหนีความตายในภายหลัง อันเป็นการพลิกสูตรสำเร็จของการสร้างหนังสยองแนว Slasher ที่ประสบความสำเร็จจนได้มีภาคต่อออกมาอีกถึง 5 ภาคที่ยังคงนำเสนอเรื่องราวภายใต้สูตรในการสร้างเช่นเดียวกับในหนังภาคแรกเพียงแต่เปลี่ยนแปลงตัวละครและเรื่องราวไปตามแต่ละภาคเท่านั้น

แม้ Final Destination 5 จะยังสามารถรักษาฐานของแฟนหนังเอาไว้ได้ และได้รับคะแนนวิจารณ์ไปในทิศทางบวก จากทั้งกลุ่มแฟนๆ และนักวิจารณ์แต่ถึงกระนั้นตัวหนังก็ไม่สามารถทำเงินได้ตามที่คาดอาจเป็นเพราะคนดูส่วนใหญ่มักเริ่มเบื่อหน่ายกับรูปแบบการนำเสนอในแบบเดิมๆ แล้ว จึงทำให้ตัวหนังภาค 5 ทำรายได้ได้บนตาราง Box Office ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา 5 ภาคและก็ทำให้ทางค่าย New Line Cinema พับโครงการภาค 6 ไปในท้ายที่สุด แต่ล่าสุดทางเว็บไซต์ THR ได้มีการรายงานออกมาแล้วว่าพวกเขากำลังจะนำเอา Final Destination กลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง และในครั้งนี้มันก็จะเป็นการรีบูตเรื่องราวขึ้นมาใหม่ โดยจะได้ทางคู่หูดูโออย่าง Patrick Melton และ Marcus Dunstan มาทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบท ซึ่งทั้งสองคนก็คือผู้รับผิดชอบในการเขียนบทภาพยนตร์ให้กับ Saw ภาคต่อ ตั้งแต่ Saw IV, Saw V, Saw VI, และ Saw VII และยังเป็นผู้เขียนบทให้กับหนังแฟรนไชส์อย่าง The Collector ที่ออกมาถึง 2 ภาคอีกด้วย

แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ว่าเรื่องราวในฉบับรีบูตนั้นจะออกมาเป็นไปในทิศทางไหน แต่มันก็เป็นเวลาร่วม 8 ปีนับตั้งแต่ที่หนังภาคสุดท้ายได้ออกฉาย บางทีมันก็อาจจะถึงเวลาแล้วในการที่จะดึงเอาความสยองขวัญในรูปแบบ Final Destination กลับมาสู่กลุ่มแฟนๆ ที่อาจเป็นเด็กรุ่นใหม่อีกครั้ง แม้หนังภาค 5 จะทรายได้ไม่ดีนักแต่เมื่อดูจากรายได้รวมของแฟรนไชส์ทั้งหมดที่ทำรายรับไปกว่า 665 ล้านเหรียญทั่วโลกจากทุนสร้างเพียงแค่ 40 ล้านเหรียญ มันก็เรียกได้ว่าควรค่าที่จะถึงเวลาที่จะได้กลับมาแล้วในยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ที่หนังภาคแรกได้ออกฉาย

ที่มา: Screen Rant

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ