Bob Iger CEO ของ Disney ได้ออกมาบืนยันแล้วว่าหนัง Star Wars ภาคต่อไปนับจากนี้จะไม่เป็นหนัง Exclusive ที่ลงให้กับทางบริการ Streaming Service อย่าง Disney Plus ของ Disney ที่เปิดตัวเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาเป็นการเฉพาะแน่นอน
สำหรับ Star Wars Episode IX นั้นก็ยังไม่มีรายงานออกมาแต่อย่างใดว่าตัวหนังนั้นจะได้ไปออกฉายในตอนไหน แต่สิ่งที่เรามั่นใด้อย่างชัดเจนก็คือมันจะยังคงเป็นภาพยนตร์สำหรับฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเช่นเดิม และในอนาคตหลังจากนี้ที่จะมีหนัง Star Wars ไตรภาคใหม่ของผู้กำกับ Rian Johnson จาก The Last Jedi ตามมออกมาอีกรวมไปถึงหนังซีรีส์ของผู้จัด Game of Thrones อย่าง David Benioff & D.B. Weiss ออกมาอีกด้วย ซึ่งมันก็จะเป็นเรื่องราวบทใหม่ที่จะไม่เชื่อมโยงกับตระกูล Skywalker อีกต่อไปแล้ว
(ภาพจาก: Consequence of Sound)
โดยในส่วนของแพลตฟอร์ม Disney Plus นั้นทาง Lucasfilms จะใช้เป็นโอกาศในการขยายแฟรนไชส์ Star Wars ให้มีความกว้างและยิ่งใหญ่มากขึ้น ซึ่งมันก็จะเป็นเวทีของหนังซีรีส์อย่าง The Mandalorian และภาคปฐมบทของตัวละคร Cassian Andor ใน Rogue One นั่นเอง ซึ่งการมาของ Disney Plus นั้นก็ทำให้แฟนๆ ต่างเริ่มกังวลว่าทาง Lucasfilms จะหันเหการสร้างหนังใหญ่มาลงให้กับบริการ Streaming Service ตัวนี้ด้วยหรือไม่
โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ทาง Bob Iger ผู้บริหารสูงสุดของ Disney ก็ได้ออกมาบอกว่ามันก็เป็นไปได้ที่หนัง Star Wars นั้นอาจจะมาลงให้กับทาง Disney Plus ด้วย แต่เนื่องด้วยงบประมาณต่างๆ ในการสร้างมันก็อาจจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
“หนังเกือบทุกเรื่องใช้เงินไปกว่า 100 ล้านในการสร้าง และเราก็ไม่ยากจะสร้างให้ให้อยู่ในระดับของบริการเหล่านั้น เราจึงต้องมองไปยังการลงทุนในส่วนของการทำซีรีส์ที่สามารถทำธุรกิจได้แบบตอนต่อตอนมากกว่า และเราก็กำลังสร้างหนังที่มีทุนสร้างสูงมากขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่อะไรแบบนั้นซะทีเดียว เราจะไม่สร้างภาพยนตร์ Star Wars ลงให้กับแพลตฟอร์มนี้ มันต้องเป็นหนังที่ผู้คนจะต้องออกไปดูในช่วงสุดสัปดาห์ด้วยรายรับ 200 ล้านเหรียญ จนกลายเป็นที่พูดถึงไปทั้วนั้นแหละคือการสร้างมูลค่าของเรา และเราก็ไม่อยากที่จะให้หนังของเราไปจบลงที่การเป็นบริการไป”
(ภาพจาก: Inverse)
ซึ่งก็เป็นเหตุเป็นผลเพราะแฟรนไชส์หนัง Star Wars ในตอนนี้เมื่อรวมทุกภาคเข้าด้วยกันมันก็ทำเงินไปแล้วกว่า 5 พันล้านเหรียญ และการมาของ Star Wars Episode IX ก็น่าจะทำให้ตัวเลขยี้พุ่งทะยานเข้าไปอีก ซึ่งมันก็คงจะดีกว่าการเป็นหนังที่ฉายและมีคนพูดถึงเพียงแค่ช่วงสั้นในบริการ Streaming Service อย่างแน่นอน
ที่มา: Screen Rant