ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึก ต้องยอมรับตรงๆ เลยว่าทันทีที่เห็นหน้าหนังก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นหนังที่เน้นเนื้อเรื่องอะไรอยู่แล้วตั้งแต่แรกพบสบโปสเตอร์ กระทั่งพอได้ยลยินเทรลเลอร์ก็ยิ่งมั่นใจว่าหนังคงมาแบบกะเอาฮาเต็มสูบ ซึ่งเอาจริงๆ ก็แอบหวั่นใจแทนอยู่ไม่น้อยเพราะนึกไม่ออกแล้วว่าหนังตลกเบาๆ ของไทยที่โปกฮาและสนุกจริงๆ นี่ครั้งสุดท้ายมันเรื่องไหน
ทว่าหลังผ่านกลางเรื่องไป ผมก็รู้สึกหายห่วงไปโดยปริยาย ใช่ครับไบค์แมนในภาพรวมก็เป็นแบบที่คาดไว้แต่แรก คือเนื้อเรื่องดูได้ง่ายไม่ซับซ้อนอะไร เบาหวิวราวปุยนุ่น ถ้าใครหวังจะมาดูเนื้อเรื่องหนักๆ เข้มๆ ก็ผ่านไปได้เลย แม้เรื่องจะมีประเด็นชวนเสียดสีสังคมอยู่บ้าง แต่ก็แค่พอถากๆ ให้คัน ทั้งการการคลายปมชีวิตของพระเอกอันเป็นเทิร์นนิ่งพ็อยต์ของเรื่องก็เหมือนจะธรรมดาๆ ไปสักหน่อย แต่ตัวผมเองดันมีปมบางอย่างคล้ายๆ กับไอ้ศักดิ์เลยรู้สึกว่าทัชกับตัวเองเฉย แม้อาจไม่ถึงกับฟูมฟาย แต่ก็มีซึมๆ ไปพอสมควรเหมือนกัน
ในส่วนของจุดขายที่เด่นชัดของตัวหนังก็คงเป็นเรื่องความตลกที่ขอบอกเลยว่าขำเหนื่อยโคตรๆ น้าค่อม, โอ็ต ปราโมทย์ และโรเบิร์ต จัดเป็น 3 ดาวดำของเรื่องที่พาดีกรีความฮาทะลุปรอทมากๆ โดยเฉพาะน้าค่อมที่ท็อปฟอร์มสุดๆ นับเป็นการคืนบัลลังก์ดาราตลกของแกอย่างแท้จริงแค่ยืนเฉยๆ ในฉากยังขำ แต่ซีนที่เอาตายสุดๆ ขอยกให้ช่วงกลางเรื่องเลย เดอะเบสต์ในระดับ เกร็งท้อง กรามค้าง หายใจแทบไม่ทัน!
นัยหนึ่งเราอาจพูดได้เลยว่าทั้ง 3 คนนี้ช่วยแบกเรื่องไว้เพราะฉายแสงจนนักแสดงรายอื่นๆ ไม่โดดเด่นเท่า อย่างตัว พีท พระเอกของเรื่อง เราก็เคยเห็นพี่แกปล่อยของมากกว่านี้ในหนังเรื่องก่อนๆ เลยรู้สึกว่าทำได้ตามมาตรฐาน ส่วนตัว ฝน นางเอกก็ได้คาแรคเตอร์ในเรื่องช่วยบูสต์ให้มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมากๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าน้องน่ารักจริงๆ นะเรื่องนี้ออกมาทีก็ได้อมยิ้มตลอด ทว่าก็นั่นแหละในแง่ภาระทั้งคู่ไม่ได้ช่วยแบกเรื่องนัก กระนั้นก็ช่วยดำเนื้อเรื่องไปได้อย่างลื่นไหล ผู้ชมไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไร เพราะเคมีทั้งคู่ก็เข้ากันได้อยู่
พอดูจบก็รู้สึกว่าค่าย M๓๙ กลับมาทำหนังได้ใกล้เคียงยุครุ่งเรืองอย่างช่วง พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า, แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า และ 32 ธันวา อีกครั้งแม้คุณยอร์ชจะขึ้นไปนั่งแท่นโปรดิวเซอร์แล้ว แต่กลับรู้สึกจริงๆ ว่าลายเซ็นต์แกในหนังเต็มไปหมด แถมจังหวะยิงมุขยังกลับมาคมกว่าหนังยุคหลังๆ ที่แกกำกับเองอีกต่างหาก
โดยสรุป ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึก ก็เป็นหนังที่ถ้าถอดสมองไปดูแล้วไม่ต้องรู้สึกจุกจิกกับพล็อตโฮลที่บานเบอะ พลางคิดว่ามันเป็นโลกแฟนตาซีที่ความบังเอิญเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ผู้ชมก็จะได้หนังที่ดูง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้สบายอะไรนัก เพราะคุณจะขำจนเหนื่อยจริงจังนั่นแล