สิงหาสับหรือ The Texas Chain Saw Massacre หนังสยองขวัญอมตะสุดคลาสสิคอาจจะได้กลับมาสู่จออีกครั้ง และอาจจะเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ทั้งการเป็นหนังจอใหญ่ และหนังจอแก้วแบบทีวีซีรีส์ หลังจากที่ลิขสิทธิ์ของตัวหนังนั้นได้กลับคืนสู่ผู้เป็นโปรดิวเซอร์และมือเขียนบทจากต้นฉบับของหนังที่ออกฉายในช่วงยุคทศวรรษที่ 1970s
(ภาพจาก: Comic Book)
The Texas Chain Saw Massacre ภาคต้นฉบับนั้นได้ออกฉายเป็นครั้งแรกในช่วยปี 1974 ซึ่งมันเต็มไปด้วยแรงเสียดทานทางสังคมมากมายในสมัยนั้นกับเรื่องราวของความรุนแรงของหนังที่เกินและความโหดในระดับวิปริตของทางผู้กำกับ Tobe Hooper แม้มันจะมีการปัญหาหลังจากออกฉายมากมาย แต่ถึงกระนั้นเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ามันคือหนึ่งในหนังสยองขวัญสุดคลาสสิคที่หลายคนยังเอากลับมาดูได้โดยไม่รู้เบื่อ และมันเองก็มีภาคต่อภาคแยกภาคเสริมต่อมาอีกหลายภาคที่เป็นการตีความเจ้าฆาตกร Leatherface นี้ในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ออกมาแย่หรือไม่ก็เสมอตัวและในวันนี้มันก็อาจจะได้กลับมาอีกครั้งแล้วในรูปโฉมใหม่ที่อาจจะทำให้แฟนๆ หนังเรื่องนี้ได้หายคิดถึงกันอีกครั้ง
ซึ่งจากรายงานการล่าสุดของทางเว็บไซต์ Bloody Disgusting ก็ได้มีการรายงานออกมาแล้วว่า ด้วยลิขสิทธิ์ของหนังที่กลับคือมาสู่ Kim Henkel โปรดิวเซอร์และมือเขียนบทผู้ให้กำเนิดหนังเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ทำให้หลายๆ ค่ายหนังต่างก็จดๆ จ้องๆ ที่จะร่วมงานกับเขาในการนำหนังเรื่องนี้กลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะค่ายหนังอย่าง Legendary Entertainment ที่ได้มีข่าวออกมาแล้วว่าพวกเขาสนใจที่จะสร้างหนังเรื่องให้การเป็นหนังแฟรนไชส์หรืออาจจะเป็นหนังทีวีซีรีส์ที่มีทุนสร้างมากกว่าที่แล้วๆ มา
(ภาพจาก: Cinematography.com)
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยหากทาง Legendary ได้ร่วมงานในการสร้าง The Texas Chain Saw Massacre ขึ้นมาอีกครั้งเพราะเมื่อดูจากผลงานต่างๆ ในค่ายหนังของพวกเขาแล้วก็ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าจะมีความเชี่ยวชาญด้านการทำหนังที่มีความรุนแรงในระดับ R-rated เป็นอย่างดีและทางพวกเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับทั้ง Warner Bros. และทาง Netflix อีกด้วยซึ่งทำทำให้พวกเขามีหนทางมากมายที่จะสร้าง The Texas Chain Saw Massacre ไปในทิศทางที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และด้วยทุนสร้างที่มากขึ้นมันก็อาจจะทำให้การกลับมาในครั้งนี้ไม่ใช่การเป็นเพียงแค่ภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำอีกต่อไป
Cover Photo: Film Society of Lincoln Center
ที่มา: Screen Rant