ยังคงมีข่าวลือออกมาเรื่อยๆสำหรับความระส่ำระส่ายของแฟรนไชส์ Star Wars และล่าสุดนั้นก็ได้มีข่าวลือออกมาอีกแล้วว่าทาง Disney นั้นอาจจะกำลังหาคนที่จะมาแทนที่ Kathleen Kennedy ประธานคนปัจจุบันของ Lucasfilms
เป็นเวลา 6 เดือนผ่านแล้วสำหรับการออกฉายของภาพยนตร์ The Last Jedi เมื่อเดือนธันวาคมที่่ผ่านมา ซึ่งอย่างที่เรารู้กันดีว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สร้างความแตกแยกให้กับหมู่แฟนๆของ Star Wars เป็นอย่างมาก โดยมันมีทั้งคนที่ชอบที่มันได้ละทิ้งขนบเดิมของ Star Wars ไปเพื่อปูทางไปสู่ยุคใหม่ ในขณะที่ก็มีแฟนๆอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกว่าการทำแบบนี้มันเหมือนกับเป็นการหักหลังแฟนๆและทำให้มนต์สเน่ห์ของมันเสื่อมไป
(ภาพจาก: Boing Boing)
จนมาถึงล่าสุดกับหนังอย่าง Solo: A Star Wars Story ที่ได้กลายเป็นหนังเจ๊งไม่คุ้มทุนสร้าง ก็อาจจะทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า Star Wars นั้นกำลังจะเดินไปถูกทางหรือเปล่า? และอนาคตของมันจะเป็นอย่างไรต่อไป
ซึ่งจุดศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คือ Kathleen Kennedy ประธานคนปัจจุบันของ Lucasfilms ที่คอยกุมบังเหียนของแฟรนไชส์ Star Wars หลังจากที่ George Lucas ได้ขายกิจการนี้ให้กับทาง Disney แม้ Kathleen Kennedy จะเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ที่ประสบความสำเร็จในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ แต่เธอเองก็เป็นคนที่สร้างความร้าวฉานให้กับบรรดาผู้ชมบางกลุ่มที่ต้องการจะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของแฟรนไชส์นี้ และแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นก็คือการให้เธอลงจากต่ำแห่งของประธาน Lucasfilms นั่นเอง
(ภาพจาก: Screen Rant)
และจากรายงานล่าสุดนั้นก็ได้มีการอ้างว่า Bob Iger ซีอีโอของ Disney นั้นได้เตรียมหาคนที่จะมาแทนที่ Kathleen Kennedy แล้ว แต่มันยังเป็นปัญหาอยู่ตรงที่ว่ามันยังไม่ใครที่พอเข้าตาในตอนนี้ ซึ่ง J.J. Abrams นั้นก็เป็นหนึ่งในชื่อที่เขาสนใจเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาก็ได้เคยบอกปัดที่จะมารับหน้าที่นี้หลายต่อหลายครั้ง และมันก็เป็นโจทย์ที่ยากของ Disney แล้วในตอนนี้ที่จะหาคนที่จะมารวมความแตกแยกที่ The Last Jedi สร้างไว้ให้เป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง เพราะไม่ว่าใครก็คงจะไม่อยากมาทำอะไรในตอนนี้
แต่อย่างไรก็ดีมันก็อาจจะเป็นเพียงเรื่องปั่นเพื่อสร้างกระแสของเหล่าแฟนหนังที่เกลียดชัง The Last Jedi ก็เป็นได้ เพราะการปลด Kathleen Kennedy ด้วยความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวของ Solo: A Star Wars Story นั้นก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระมากเกินไปหน่อย และถึงแม้ The Last Jedi จะทำให้แฟนๆเสียงแตกแต่มันก็เป็นหนังที่ทำเงินไปกว่า 1.3 พันล้านเหรียญ อีกทั้งถ้ารวมกับหนังทั้งหมดที่รวมกันสร้างภายใต้การดูแลของเธอนั้นก็สร้างรายรับมากกว่า 4 พันล้านเหรียญเข้าไปแล้ว
และบางที่ก็อาจจะเป็น Disney ต่างหากที่เป็นตัวแปรที่ทำให้ Solo: A Star Wars Story เจ๊งเพราะมันดันออกไปฉายในเวลาไล่เลี่ยกับหนังอย่าง Avengers: Infinity War ของทาง Disney เช่นกัน แม้ทาง Lucasfilms จะเคยทักท้วงแล้วก็ตามในการให้ทางค่ายย้านกำหนดฉายของ Solo ออกไปปลายปีเหมือนที่เคยทำมา
ที่มา: Screen Rant