ฤกษ์งามายามดีเวียนวนมาอีกหน ในที่สุดเหล่ามนุษย์เงินเดือน,หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ,นิสิต,นักเรียน,นักศึกษาก็คงจะได้เต็มอิ่มไปกับวันหยุดยาวในวาระดีปีใหม่ไทยอย่างวันสงกรานต์กันเป็นแน่แท้ บางคนก็อาจจะต้องกลับต่างจังหวัดเพื่อไปเยี่ยมเยียนบ้านเกิดเมืองนอน,บางคนก็อาจจะนัดหมายกับเหล่าบรรดาชาวแก๊งค์ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ,บางคนก็อาจจะเลือกดื่มด่ำกับวัฒนธรรมการเล่นน้ำสงกราต์กันอย่างเต็มที่หรือกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย
แต่เราก็เชื่อว่าคงจะมีอีกหลายคนที่อยากที่จะหลบหนีจากความวุ่นวายเพื่อคลายความเหนื่อล้าจากการทำงานที่ตรากตรำลำเค็ญมาแรมปีด้วยการ "อยู่บ้านเฉยๆ" แต่ครั้นจะ "อยู่บ้านเฉยๆ" แล้วไซร้ก็คงกระไรอยู่ เราเลยไคร่มาขอแนะนำซีรี่ส์ดีๆใหม่ๆ(ที่บางอันก็ไม่ใหม่) จากทาง Netflix เอาไว้ดูกันแบบยิงยาวไปเลย ที่รับรองได้วันหยุดยาวนั้นจะกลายเป็นการวาร์ปข้ามการเวลามารู้ตัวอีกทีก็ถึง "วันทำงานกันแล้วเหรอ?" แน่นอน
1. Altered Carbon (จำนวน 10 Episode,ยังไม่มีการประกาศ Season ที่ 2)
จะเป็นยังไงหากเราสามารถถ่ายโอนความทรงจำของเราไปไว้ในร่างกายของคนอื่นได้ นี่คือคอนเซปท์ของซีรี่ส์แนวไซไฟสุดล้ำแนว Dystopian ที่สร้างมาจากนวนิยายในชื่อเดียวกัน เรื่องราวของ Takeshi Kovacs อดีตทหารรับจ้างที่เคลื่อนไหวเพื่อหวังผลทางการเมือง ที่ถูกจับกุมตัวและถูกจองจำในสภาวะ Cold Sleep เป็นเวลา 250 ปีก่อนที่เขาจะถูกปล่อยตัวออกมาและได้พบว่าจิตใต้สำนึกของเขาได้ถูกถ่ายโอนมายังร่างกายของคนอื่นแล้ว เพื่อแก้ไขคดีปริศนาการฆ่าตัวตายของชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ที่ผู้ต้องสงสัยนั้นคือตัวของผู้ตายนั่นเอง และปริศนานี้นั้นก็มีเพียง Takeshi Kovacs เท่านั้นที่จะแก้ไขได้
อ่านเรื่องย่ออาจจะดูงงๆ (ซึ่งก็งงจริงๆ) แต่สำหรับใครที่ไฝ่ฝันหาซีรี่ส์บรรยากาศในสไตล์ Cyberpunk ที่ฉายภาพความเสื่อมทรามของสังคมตัดกับความศิวิไลซ์ของเทคโนโลยี ด้วยแสงสีและการถ่ายทำอันวิจิตรศิลป์ มันก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์ที่ควรค่าแก่การดูในอนาคตอย่างแน่นอน แม้เนื้อหาช่วงแรกจะหนักหน่วงไปหน่อยแต่ถ้าผ่านไป 3 ตอนเมื่อไหร่รับรองได้ว่าติดเครื่องกันยาว
2. DARK (จำนวน 10 Episode,ประกาศ Season 2 แล้ว)
ในเขตชนบทของประเทศเยอรมันนี เรื่องราวของชาวเมือง Winden ที่จู่ๆวันหนึ่งก็มีเด็กหนุ่มหายตัวไปอย่างลึกลับโดยไม่มีใครหรือแม้แต่ตำรวจพบเห็นว่าเขาหายไปไหน และมันก็เหมือนกับโรคติดต่อ เมื่อเด็กอีก 2 คนก็หายตัวไปหลังจากนั้นไม่นาน หนึ่งในนั้นคือลูกชายของนายตำรวจ Ulrich Nielsen ที่เมื่อ 33 ปีก่อนหน้า น้องชายของเขาก็ได้หายตัวไปอย่างไรร่องรอยเช่นเดียวกัน
หากใครที่ชอบเรื่องราวของสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติแต่ยังมีการอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์และอาการป่วยทางจิต DARK คือหนึ่งในซีรี่ส์ของ Netflix ที่ไม่ควรพลาดและรับรองได้ว่ามันจะทำให้คุณผู้ชมทั้งหลาย อยากรู้เรื่องราวและปริศนาที่ค่อยๆเฉลยออกไปทีละเปลาะๆผ่านในแต่ละ Episode จนหยุดดูไม่ได้แน่นอน
3. 13 Reasons Why (จำนวน 13 Episode,ประกาศ Season 2 แล้ว)
เราจะรู้สึกยังไงกันนะหากวันหนึ่งเพื่อนร่วมชั้นของเราคนหนึ่งส่งพัสดุปริศนามาให้ ที่พอแกะออกแล้วก็พบว่ามันเป็นม้วนเทปคาสเซ็ทจำนวน 7 ม้วนมาให้เราฟังโดยมีเงื่อนไขว่า "ต้องฟังเทปนี้ให้จบ" และ "ส่งต่อให้คนถัดไป" โดยที่เรื่องราวในเทปทั้งหมดนั้นมันคือ 13 สาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจ "ฆ่าตัวตาย"
ฟังดูพล็อตอาจจะเหมือนหนังสยองขวัญ แต่โดยเนื้อแท้แล้ว 13 Reasons Why พาเราไปสำรวจกับความคิดและสิ่งที่เราปฎิบัติต่อผู้อื่น โดยได้นำ 'สังคมวัยรุ่นอเมริกัน' มาตีแผ่ที่มีทั้งการแบ่งชนชั้นและการกลั่นแกล้ง ผ่านตัวละครหลักอย่าง Clay Jensen เพื่อนที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่สนิทและคลุกคลีกับ Hannah เจ้าของม้วนเทปทั้ง 7 และเหตุผลทั้ง 13 ข้อมากที่สุด แต่เหตุผลทั้ง 13 นั้นมันคืออะไร? บ้างคุณผู้อ่านก็อาจจะต้องไปดูกันเอาเอง และเชื่อเถอะว่าเมื่อได้ดูจนจบ เราจะไม่ด่วนตัดสินใจคนจากภายนอกโดยที่ไม่รู้จักเนื้อแท้ของเขาอย่างแน่นอน
4. Punisher (จำนวน 13 Episode,Season 2 เริ่มถ่ายทำแล้ว)
หากใครที่ติดตามจักรวาลของ Marvel ใน Netflix อยู่แล้วก็คงไม่น่าพลาดกับอีกหนึ่งฮีโร่ที่ถูก Spin-off ออกมาจากเรื่องราวของ Daredevil เจ้าของฉายากระสอบทรายแห่ง Hell’s Kitchen แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ดู Punisher ก็อาจจะเป็นใบเบิกทางที่ดีที่เราจะได้มาสัมผัสกับความดิบเถื่อนในสไตล์ข้างถนนกันบ้าง กับเรื่องราวของ Frank Castle อีกหนึ่งฮีโร่ที่ไร้ซึ่งพลังพิเศษ ที่สูญเสียครอบครัวอันเป็นที่รักจากวายร้ายและหน้าที่การงานของเขาเอง ที่ทำให้เขาต้องมาปฎิบัติภารกิจของเขาในนามของ Punisher นั่นคือ “การล้างแค้น”
แม้ Punisher ทั้งสองภาคที่เคยออกฉายในรูปแบบของภาพยนตร์นั้นจะออกมาแป้กๆ แต่กับฉบับซีรี่ส์นี้มันกลับสามารถแสดงความดิบเถื่อนของตัวละคร Punisher ออกมาได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ Daredevil หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ ด้วยฉากแอ็คชั่นมันส์ระห่ำโหดถึงใจ มันก็เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่ดูแล้วหยุดดูต่อไม่ได้แน่นอน และถ้าหากใครติดใจ Daredevil,Luke Cage และ Jessica Jones นั้นก็ให้ความสนุกได้ในระดับเดียวกัน (อ้อ ทำเป็นลืมๆ Iron Fist ไปเถอะ)
5. Mindhunter (จำนวน 10 Episode,ประกาศ Season 2 แล้ว)
ย้อนกลับไปยังยุคทศวรรษที่่ 80s สิ่งหนึ่งที่สร้างความน่าหวาดหวั่นให้กับ 'สังคมของชาวอเมริกัน' เป็นอย่างมากคือการก่อกำเนิดของ 'ฆาตกรโรคจิต' และคดีอาชญกรรมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคำว่า 'ฆาตรกรโรคจิต' นั้นหมายความว่า เราไม่สามารถที่จะคาดเดาได้เลยว่าใครที่จะตกเป็นเหยื่อให้กับเหล่าคนวิปริตกลุ่มนี้ และ 'การฆาตกรรม' ก็เริ่มมีการแฝงนัยยะบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกันขึ้นเรื่อยๆและนั่นก็เป็นที่มาของคำว่า “ฆาตกรต่อเนื่อง” หรือ “Serial Killer”
Mindhunter อาจจะเป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่ดีที่สุดของทาง Netflix ก็เป็นได้ กับการนำพาเราย้อนอดีตไปในช่วงยุค 'ฮิปปี้ครองเมือง' ของชาวอเมริกันชน ในยุคที่การทำ Crime Profiling หรือการคาดคะเนพฤติกรรมของฆาตรกรและการใช้ 'จิตวิทยาในการสอบสวน' เป็นเรื่องใหม่ ที่เรื่องราวจะเล่าผ่านมุมมองของเจ้าหน้าที่ FBI ไฟแรงอย่าง Holden Ford ที่ต้องการจะผลักดันให้มีการสืบสวนเหล่าฆาตกรโรคจิตทั้งหลายเพื่อนำไปใช้ในการคาดคะเนเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น จนกลายมาเป็นรากฐานของ 'อาชญากรรมวิทยา' ในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ผ่านฝีมือของผู้กำกับและโปรดิวเซอร์อย่าง David Fincher ที่มีผลงานอมตะอย่าง Fight Club และ Se7en เป็นป้ายการันตี
ก็จบกันไปแล้วกับซีรี่ส์ 5 เรื่องที่เราอยากแนะนำ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็มีอีกหลายเรื่องที่สนุกมากๆไม่ว่าจะเป็น Stranger Things,House of Card,Narcos และอื่นๆอีกมากมาย แต่เราอยากที่จะคัดมาแต่เรื่องที่เพิ่งออกฉายเพียงแค่ Season แรกเท่านั้นเพื่อให้ง่ายต่อการตามเก็บ และเชื่อเถอะว่าแค่ 5 เรื่องนี้วันหยุดยาวของคุณผู้อ่านก็จะกลายเป็นวันหยุดอันมีค่าอย่างแน่นอน