ในสัปดาห์ที่มีหนังลิงยึดโลกเป็นโปรแกรมใหญ่ยักษ์ สำหรับคอหนังสยองขวัญก็ยังมีทางเลือกที่น่าสนใจอีกเรื่องนั่นก็คือ "Wish Upon พร ขอ ตาย" นั่นเอง ความน่าสนใจของเรื่องนี้ก็คือการมีชื่อของผู้กำกับ Annabelle ถูกใช้ในการโปรโมท รวมถึงแนวหนังที่แม้จะสยองขวัญแต่ก็ไม่ใช่หนังผี แต่จะออกมาในแนวๆ Final Destination เสียมากกว่าครับ ก็เรียกว่าหน้าหนังค่อนข้างจะดึงดูดผู้ชมที่ต้องการความระทึกกับเรื่องลี้ลับในระดับหนึ่ง
น่าเสียดายที่ส่วนตัวคิดว่าหนังเลือกเดินทางผิดไปหน่อย แถมยังขยี้ในทางนั้นไม่สุด ทั้งๆ ที่ระหว่างดูผมรู้สึกว่าหากหนังมาในทาง Horror ปน Comedy คล้ายๆ Drag me to Hell ของ Sam Raimi มันจะพีคกว่านี้มาก เพราะ 2 ฉากที่ผมชอบแบบจริงจังใน Wish Upon คือมาแบบอารมณ์สยองปนขำจริงๆ ครับ แต่พอครึ่งเรื่องหลังซึ่งหนังกลับมาเป็น Horror เต็มตัว ความสนุกในแบบครึ่งแรกกลับดรอปลงไปมาก แม้กระนั้นในภาพรวมก็ถือเป็นหนังทางเลือกที่ดูเอาเพลินๆ ได้อยู่
Wish Upon พร ขอ ตาย จะเล่าเรื่องขอ "แคล" นางเอกผู้ที่คิดว่าตนมีชีวิตเส็งเคร็งและลึกๆ แล้วต้องการสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาในชีวิต แม่ของเธอฆ่าตัวตายไปตั้งแต่ยังเด็ก ผู้เป็นพ่อก็หากินโดยการคุ้ยขยะหาของไปขาย ที่โรงเรียนก็โดนสาวที่ฮอตสุดๆ เหม็นขี้หน้าและถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำ สิ่งดีๆ ในชีวิตเพียงไม่กี่อย่างคือเพื่อนสาว 2 คนที่สนิทกันมาก แต่เธอก็รู้ดีแก่ใจตัวเองว่ามันไม่พอ เช่นนั้นแล้วเมื่อเธอได้รับโอกาสในการขอพรจากกล่องประหลาดที่พ่อของเธอเผอิญไปเจอมา ชีวิตของแคลร์จึงเปลี่ยนไปตลอดกาล
ต้องบอกว่าสิ่งหนึ่งที่ Wish Upon ทำได้สำเร็จมากๆ คือการสร้างคาแรคเตอร์นางเอกอย่างแคลร์ที่ไม่ได้มีความน่าเอาใจช่วยใดๆ ทั้งสิ้น เป็นคนที่มีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้จะเริ่มระแคะระคายว่าอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่หล่อนก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ ยังคงขอพรต่อไป แม้ความปรารถนานั้นจะทำให้ตัวเองมีชีวิตดีขึ้นเพียงน้อยนิดก็ตาม ทว่าแม้จะไม่น่าเอาใจช่วยแต่หากมองในบริบทของตัวแดลร์เองที่ก็ยังเป็นแค่เด็ก High School มีปมด้อยหลายๆ อย่าง มันก็พอจะเข้าใจได้ในระดับหนึ่งถึงจะรู้สึกต้องการความหนักแน่นของเหตุจูงใจอีกสักนิดก็ตามเถอะ
แต่ก็อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่าหนังเดินผิดทางไปหน่อยครับ คือจริงๆ ในทีแรกผมก็คิดอยู่แหละว่าหนังจะมาในทรงอย่างที่เป็นนี่แหละ เพียงแต่ระหว่างที่ตัวหนังกำลังดำเนินไปในครึ่งแรก ผมกลับรู้สึกชอบความเป็น Horror Comedy ของมันเอามากๆ และแอบหวังให้มันมีอารมณ์คล้ายๆ กันตลอดเรื่อง เพราะจังหวะการยิงมุขทำเอาขำท้องแข็งนี่สุดจริงครับ แต่พอเข้าสู่ครึ่งหลัง Wish Upon กลับมาทำตัวเป็นหนังสยองขวัญสามัญที่ผู้ชมสามารถเดาตอนจบได้ไม่ยาก แถมจังหวะตัดต่อและเล่าเรื่องยังดูเร่งๆ และไม่ขยี้เท่าที่ควร ส่งให้ตัวหนังดรอปลงมาอยู่ในเกรดกลางๆ เท่านั้น
สำหรับคนที่ไม่ชอบหนังแหวะก็ยินดีด้วยว่า Wish Upon ไม่ใช่หนังสยองขวัญที่พ่วงความแหวะมาด้วยครับ พวกฉากโหดๆ ก็ใช้การหลบมุมกล้องเอาซะเยอะ ตรงนี้ค่อนข้างดีกับผม แต่หากใครชอบอีกแบบก็น่าจะหักคะแนนหนังสะบั้นกว่านี้แน่ๆ ครับ
โดยสรุปแล้ว Wish Upon คือหนังที่สยองขวัญที่สร้างความตื่นเต้นได้ในระดับหนึ่ง ด้วยการใช้ซาวด์และฉากแนวๆ Jump Scare ให้ผู้ชมสะดุ้งไว้ก่อน ช่วงครึ่งแรกมีความน่าสนใจมาก แต่มาดรอปเอาตอนครึ่งหลัง กระนั้นการตามดูว่านางเอกจะทำให้ชีวิตตัวเองและคนรอบข้างหยำเปได้ถึงขั้นไหนก็จัดว่าเป็นอะไรที่นั่งตามดูเพลินๆ ได้อยู่ครับ