Transformers: The Last Knight
"Two worlds collide, Nothing Survive"
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชินชากับคะแนนของ Transformers มาแทบทุกภาค คือยอมรับว่าเนื้อเรื่องเละเทะจริงจัง เพียงแต่มันมีจุดหนึ่งที่ทำให้ผมยอมตีตั๋วเข้าไปดูในโรงอาทิตย์แรกแบบไม่มีพลาดอยู่รํ่าไป ความคิดผมคงจะเหมือนหลายๆ คนที่ขอแค่ไปดูหุ่นตีกันก็มีความสุขแล้ว (โดยที่มีระเบิดหลายตันเป็นของแถม) เพียงแต่กับภาค The Last Knight นี้ก็ออกจะต่างออกไป แม้โดยรวมผมจะยังคงตั้งแต่รอหนังเรื่องถัดไปในแฟรนไชส์นี้อยู่ แต่นี่คือภาคแรกที่ผมมีความเห็นพ้องกับคะแนนจากเว็บนักวิจารณ์แบบไม่ตะขิดตะขวง
ความรู้สึกหลังดูจบมีเพียงความเหนื่อยใจปนเสียดายที่วนเวียนอยู่ในหัว ตัวหนังแม้จะอุดมไปด้วยฉากระเบิดฉากถล่มทลาย แต่ก็ขาดไร้วิญญาณชอบกล เสมือนตัว ไมเคิล เบย์ โดนบังคับมากำกับภาคนี้ เพราะมันไม่มีทั้งแฟสชั่น ไม่มีทิศทาง ไม่มีวิชวล มีแต่เพียงความเหนื่อยอ่อนที่แสดงออกมาผ่านการดำเนินเรื่องอย่างเด่นชัด จนเรารู้สึกได้เลยว่านี่น่าจะเป็นภาคสุดท้ายของไมเคิล เบย์จริงๆ แล้ว ถ้าจะกำกับงานออกมาได้เหนื่อยหน่ายขนาดนี้
อยากจะย้อนเวลากลับไปแล้วบอกสักทีว่า "ถ้าเหนื่อยก็พักเถอะพี่ อย่าต้องฝีนทนจนล้มไปพร้อมกับแฟรนไชส์หนังเลย" แต่ดูทรงก็คงไม่ทัน
ในส่วนของความเสียดาย ก็คือความเสียดายตรงๆ นี่แหละ เสียดายที่หนังมันไม่อาจไปได้ไกลกว่านี้ทั้งๆ ที่ศักยภาพมีพร้อมมาก โดยเฉพาะวัตถุดิบที่จะใช้ในการสร้างฉากแอคชั่นเดือดๆ ขึ้นมาสักฉากสองฉาก แต่ตัวของเบย์กลับเลือกจะทิ้งมันไปและใช้ความง่ายเข้าว่านั่นแหละครับ คือพอดูแล้วเราก็มีคำถามในหัวมากมายว่าทำไมถึงไม่ทำให้เป็นแบบนั้น มันต้องสนุกกว่าแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละครับ ผมไม่รู้ว่ามีปัญหาหรือข้อจำกัดอะไรรึเปล่าเบย์ถึงเลือกจะโยนโอกาสสร้างฉากต่อสู้ที่ดีที่สุดในแฟรนไชส์ลงถังขยะไป
และอาจเพราะด้วยปัญหาการวางโครงเรื่องที่เรื้อรังมายาวนานเริ่มแสดงผลอย่างรุนแรงมากขึ้น ทำให้ความรู้สึกที่ว่าอยากจะเข้ามาดูแค่หุ่นตีกันมันเริ่มจะไม่พอแล้วครับ เมื่อไม่มีเนื้อเรื่องที่หนักแน่นพอหรือสถานการณ์ช่วยบิวท์อารมณ์ ฉากต่อสู้ก็กลายเป็นความกลวงโบ๋ไปโดยปริยาย ไม่ลุ้น ไม่มันส์ ไม่มีชีวิต ไร้จิตวิญญาณ ส่วนดีเพียงไม่กี่อย่างค่อยๆ ปริแตกพังทลายลงเรื่อยๆ เฉกเช่นเดียวกับรากฐานของซีรีส์ที่ง่อนแง่นโคลงเคลงไม่อาจต่อยอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชนิดที่หากไม่ทำอะไรแก้ไขแล้ว ภาพยนตร์ชุดนี้ก็อาจสิ้นไร้ทางไปต่อโดยปริยาย
สำหรับเนื้อเรื่องใน The Last Knight จะเล่าต่อจากภาค 4 เมื่อ Optimus Prime บินออกไปนอกอวกาศเพื่อพบกับเหล่า "ผู้สร้าง" และหาวิธีฟื้นสภาพดาวบ้านเกิดอย่างไซเบอร์ตรอนที่พังทลายเจ๊งบ๊งมาได้สักพักแล้ว ซึ่งระหว่างที่พี่แกไม่อยู่ เหล่าทรานสฟอร์เมอร์ กับมนุษย์ก็ไม่ได้ญาติดีกันเท่าไหร่นัก ถึงขนาดที่ฝ่ายหลังตั้งหน่วย TRF ขึ้นมาล่าพลพรรคหุ่นเหล็กเสียด้วยซํ้าไป มีเพียง Cade Yeager เท่านั้นที่ยังคงเปิดเซียงกงให้ที่ซ่อนแก่เหล่า Auto Bots ที่ร่วมกันสู้กับเขามาในภาคก่อน และรอคอยการกลับมาของ Optimus ซึ่งก็อย่างที่รู้ๆ กันในเทรลเลอร์ครับว่าหลังทัวร์อวกาศรอบนี้พี่แกก็ไม่ได้กลับมาเป็นปกติแต่อย่างใด ส่งให้สถานการณ์วุ่นวายยิ่งกว่าเดิม... หมายถึงเนื้อเรื่องนี่แหละตีกันมั่วไปหมด!
ตัวหนังประสบปัญหาอย่างรุนแรงจากความเยอะที่พยายามจะจับยัดลงมาให้หมดภายใน 2 ชั่วโมงครึ่ง เยอะทั้งตัวละคร เยอะทั้งเส้นเรื่องที่ซอยย่อยซะเป็นกระหลํ่าร้านลูกชิ้นปิ้ง หลากหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันพอมาเจอการร้อยเรียงเรื่องราวฉบับ "เบย์ๆ" ที่เน้นความง่ายว่องไว ตัดฉับไปมา ก็บูมเป็นโกโก้ครั้นสิครับงานนี้ เรียกว่าบันเทิงไม่ออกกันเลยดีกว่า เนื่องจากไอ้ความเยอะที่ว่ามันไม่ได้มาพร้อมกับคุณภาพน่ะสิครับ ตัวไหนเด่นๆ ก็บทเยอะไป ส่วนตัวรองๆ ก็มีบ้างไม่มีบ้าง ในระดับที่รู้สึกว่าตัดออกไปก็ได้นะ เช่นบทของเด็กอิซาเบล่าที่ไม่เห็นประโยชน์เท่าไหร่ หรือแม้แต่มังกร 3 หัวคิงกิโดร่า(?) ที่ใช้ได้ไม่คุ้มมากๆ ทั้งๆ ที่สามารถล่นท่ายากกับมันได้อีกเยอะครับ
Transformers: The Last Knight คือจุดอิ่มตัวของเบย์ที่เห็นได้ชัดมากจากผลงานในภาคนี้ที่ผู้ชมรู้สึกได้เลย มันมีทั้งความอึน ความมึน Logic แปลกๆ แถมฉากแอคชั่นอันเป็นจุดขายหลักก็ดันมาไม่สุดราวกับขี้เกียจทำอีก สิ่งดีๆ เพียงไม่กี่อย่างของภาคนี้คือเราค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่า ไมเคิล เบย์ จะวางมืออย่างจริงจังแน่นอนแล้ว เพราะกำกับออกมาได้น่าเบื่อเบอร์นี้ต้องมาจากอินเนอร์ล้วนๆ ว่า "เบื่อจริง" ทั้งยังฉากระเบิดที่บอมบ์ยับทำลายมันทุกอย่างทุกตารางนิ้วของฉากราวกับจะทิ้งทวน ก็ทำให้ผมอดจะตื่นเต้นไม่ได้ว่าภาคหน้าใครจะมากำกับ และจะนำพาแฟรนไชส์นี้ไปในทิศทางใด หรือระเบิดจะมาถี่ไหม เรียกได้ว่าแค่เบย์วางมือ ทิศทางของซีรีส์ก็สดใหม่ขึ้นทันใดเลยทีเดียว โอ้โฮ แหม่!
สำหรับผม The Last Knight คือภาคที่แย่ที่สุดในแฟรนไชส์ การเน้นงานภาพที่อลังการแต่ขาดไร้ซึ่งวิญญาณเห็นจัดชัดเจนว่าแม้แต่ติ่ง 4 ภาคแรกอย่างผมยังเพลียจิตเอาง่ายๆ แม้จะยังพอมีความบันเทิงรวมถึงฉากเล่นมุกที่ดูตลกกว่าภาคก่อนหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ฝืนใจให้ออกปากชมมันไม่ได้จริงๆ ครับ ก็ได้แต่หวังว่าภาค Spin-off ของ Bumblebee ที่ได้ Travis Knight มากำกับซึ่งจะฉายในปีหน้า จะสร้างความคึกคักให้แฟรนไชส์หนังเรื่องนี้อีกครั้งนะครับ ได้แต่หวังอย่างนั้นจริงๆ