อีก 1 เสน่ห์ของเกม Ragnarok M: Eternal Love หลังจากที่เรารีบเร่งเลเวลกันมาแบบหน้ามืดตามัวก็คือเรื่องการล่า mini และบอส MVP ต่างๆ โดยในเวอร์ชั่นนี้จะมีความง่ายขึ้นจากเวอร์ชั่นปกติก็คือจะมีตารางบอกเวลาเกิดให้ว่าตัวไหนเกิด แต่ด้วยความที่ว่าตอนนี้พึ่งจะเปิดได้ไม่นาน MVP หลายตัวจึงไม่สามารถล่าได้ด้วยตัวคนเดียว หรือแม้กระทั่งตั้ง 1 ปาร์ตี้ก็ตามที วันนี้ก็เลยอยากจะมาแนะนำภาพรวมและวิธีเบื้องต้นสำหรับคนที่อยากจะเริ่มลองล่าบอสกันดูครับ ว่าเราควรจะเซทอัพอะไรอย่างไรบ้าง ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย
*เอาไว้ใช้สำหรับบอสที่เลเวลสูงๆ นะครับ ถ้าเป็นบอสเลเวลต่ำๆ ก็สามารถไปล่าด้วยตัวคนเดียวได้
1.เตรียมปาร์ตี้ให้พร้อม และอาชีพที่ควรจะมี
สิ่งแรกที่เราต้องเตรียมกันก่อนเลยก็คือปาร์ตี้ที่จะล่าบอสนั่นเองครับ โดย Ragnarok M: Eternal Love จะสามารถปาร์ตี้ได้สูงสุด 5 คนต่อ 1 ปาร์ตี้ ดังนั้นเราจะต้องทำการจัดสรรค์ปาร์ตี้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด แล้วมันต้องมีอาชีพอะไรบ้างหล่ะ ?
- Tanker สายชนให้กับปาร์ตี้ อาชีพที่เหมาะที่สุดก็คงจะไม่พ้น Crusader และั Knight ครับ เพราะทั้ง 2 อาชีพนี้มีค่า def และ hp ที่สูง แต่ถ้าจะให้แนะนำจริงๆ อยากให้ตัวชนหลักเป็น Crusader มากกว่า ด้วยความที่มีค่า hp ที่เยอะกว่า มีสกิลเสริมในด้านการป้องกันที่มากกว่า โดยเฉพาะตอนที่เป็น Paladin แล้วด้วยจะยิ่งถึกขึ้นมาก ในขณะที่ Knight จะไปอยู่ในตำแหน่ง off tank และ dps ในตัวมากกว่าครับ
- Support ณ ตอนนี้ก็คงจะไม่พ้นพระของเกมอย่าง Priest ที่มีความสามารถในการสนับสนุนปาร์ตี้ได้อย่างดีเยี่ยมทั้งเรื่องการบัฟและการฟื้นฟู hp ให้กับปาร์ตี้ หลักๆ ก็คงจะไม่พ้นการลง Sanctuary และการชุบชีวิตเป็นหลักครับ
- CC aoe ตำแหน่งสำคัญอีก 1 หน้าที่เฉพาะอาชีพ Wizard กับสกิล Storm Gust ที่จะเอาไว้หยุดลูกน้องของเหล่าบอส เพราะถ้าไม่มีตัวหยุดลูกน้องบอส ความเหนื่อยจะตกไปอยู่ที่คนชนและพระทันที และอาจจะอันตรายถึงตายยกตี้ได้เลยครับ
- DPS ที่เหลืออีก 2 ตำแหน่งจะเป็นตำแหน่งของ DPS ซึ่งอันนี้จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจหรืออาชีพที่มีอยู่ของแต่ละปาร์ตี้ แต่ถ้าให้แนะนำจริงๆ ก็อยากจะให้มี Monk ติดไว้ซักคนครับ เอาไว้ปิดบอสการันตี MVP ให้กับปาร์ตี้นั่นเอง
2. เตรียมยา อาหาร และของใช้ให้พร้อม
หลังจากจัดสรรค์ปาร์ตี้เตรียมอาชีพกันเรียบร้อยแล้วก็ให้ไปเตรียมของล่าบอสกันให้พร้อมครับ ไม่ว่าจะเป็นยาต่างๆ ทั้ง White Potion, Blue Potion โดยเฉพาะ Panacea ที่เอาไว้แก้สถานะผิดปกติในกรณีฉุกเฉิน ยาเร่งสำหรับสาย dps อาหารต่างๆ ที่เพิ่มค่า Status ถ้ามีใครที่สามารถทำอาหารได้แล้วก็อย่าลืมทำอาหารแล้วแบ่งกันกินทั้งปาร์ตี้ด้วยนะ วิงสำหรับหาบอส และอื่นๆ อีกมากมายเตรียมไปให้พร้อมครับ จะได้ไม่เสียเวลากลับเมืองไปมา
3. เซทอัพตำแหน่ง สื่อสารกับปาร์ตี้ให้ดี
ถ้าบอสตัวไหนที่ไปปาร์ตี้เดียวก็อาจจะยังไม่ลำบากเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นบางตัวที่ระดับสูงเกินกว่าเลเวลของเราที่จะไปล่าอย่างเช่นพวก Osiris, Eddga, Orc Hero การไปปาร์ตี้เดียวก็คงจะล่าไม่ไหวครับ เราอาจจะต้องไปด้วยกันซัก 3-4 ปาร์ตี้ ก็ราวๆ 20 คน เพื่อไปช่วยกันรุมบอส ทีนี้พอไปหลายๆ คนมันก็จะมั่วๆ หน่อย อาจจะต้องสื่อสารกันให้ดีตามตำแหน่งประมาณนี้ครับ
Tanker - ใครจะเป็นคนแท๊งหลักของการล่าบอสครั้งนี้ และเมื่อแท๊งหลักล้มลง ใครจะเป็นคนแท๊งคนต่อไประหว่างแท๊งหลักล้ม เพื่อที่จะไม่ให้บอสหลุดไปหาคนอื่นชั่วคราว อาจจะไม่ต้องมีทุกปาร์ตี้ แต่แนะนำให้มีมากกว่า 1 คนขึ้นไป จะได้มีแท๊งระหว่างที่ตัวหลักล้มลง
Support - แม้ว่าหน้าที่หลักจะเป็นการวาง Sanctuary เพื่อฮีลหมู่ทุกคน แต่ก็จะต้องแบ่งหน้าที่รองด้วยว่าใครที่เป็นคนฮีลแท๊งหลัก (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะให้อยู่ในตี้แท๊งหลัก) ใครจะเป็นคนวางแซงตลอดเวลา และใครจะต้องเป็นคนที่คอยชุบชีวิตเพื่อนเป็นหลัก เพราะการสู้บอสยากๆ จะมีศพนอนให้เห็นอยู่ตลอดเวลา คนที่ชุบชีวิตเป็นหลักก็แนะนำให้อัพชุบชีวิตจนไม่ต้องร่ายเพื่อความไว
CC aoe - ถ้าหากมี Wizard มากกว่า 1 คน อาจจะตกลงกันว่าบอสตัวนี้ Storm Gust คนเดียวไหวรึเปล่า ใครจะเป็นคนร่ายหลัก คนรองจะร่ายเวทอื่นเพื่อให้ลูกน้องตายไวๆ หรือไม่ หรือว่าแช่แข็งลูกน้องไว้เฉยๆ ก็พอแล้ว เป็นต้น อาจจะไม่จำเป็นต้องมีทุกปาร์ตี้ก็ได้ครับ
DPS - อันนี้ไม่ต้องตกลงอะไรกันเท่าไหร่ มีหน้าที่ dps ใส่บอสให้ตายไวที่สุด เป็นอาชีพที่ต้องรีดความสามารถออกมาเพื่อทำดาเมจให้มากที่สุด ถ้ามี Monk หรือ Champion ก็คุยกันเรื่องอาชูร่าดีๆ ว่าใครจะปิดบอส ปิดที่เลือดเท่าไหร่ก็ว่าไป
ที่เหลือก็จะเป็นการสื่อสารระหว่างเล่นครับ แนะนำให้ใช้โปรแกรมพูดคุยอะไรก็ได้ซักอันเพื่อสื่อสารด้วยเสียง หลักๆ ที่ต้องสื่อสารกันก็คือคนที่แท๊งว่า ปาร์ตี้พร้อมหรือยัง เปิดบอสหรือยัง และโดยเฉพาะตอนที่จะตายหรือตายแล้วจะต้องบอกให้สลับแท๊งเพื่อป้องกันบอสหลุดไปตีคนอื่น ระหว่างนั้นก็ให้พระชุบชีวิตให้แล้วกลับมาแท๊งต่อ รวมไปถึงคนที่ตายจากลูกหลงการโจมตีบอสก็ต้องแจ้งให้พระที่รับหน้าที่ชุบชีวิตคอยชุบให้ครับ อาจจะบอกนิดนึงว่าฟื้นแล้วด้วยเพราะพระอาจจะไม่เห็นว่าดึงขึ้นมาหรือยัง ตอนเวลาตีๆ กันมันค่อนข้างนัว
คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ เท่านี้เราก็จะสามารถล่าบอสตัวโหดๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วครับ ถ้าถามว่างั้นทำไมไม่รอให้เลเวลสูงๆ กว่านี้แล้วค่อยไปล่าหล่ะ ? ถ้าเราล่าบอสได้ก่อน ของดรอปก่อน ราคาก็จะสูงแล้วก็มีจำนวนน้อยในตลาด ก็จะขายได้ก่อน มีเงินก่อนครับ อย่างเช่นการ์ด Ghosting ที่เป็นข่าวกันไปก่อนหน้านี้ ถ้าหากไปล่าทีหลังแล้วมีดรอปกันล้นในตลาด ก็อาจจะไม่ได้ราคาแบบนั้นก็ได้ สุดท้ายนี้การเล่นเป็นปาร์ตี้ เป็นกิลด์ ย่อมเกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่า อยากให้ลองไปล่ากันดูครับ อย่างพวกผมที่ไปล่าบอสเลเวล 70-80 กัน ตัวละครก็ยังเลเวล 50-60 กันอยู่เลยนะ แต่ก็ล่าได้ แถมยังได้สนุกสนานกับเพื่อนๆ อีกด้วย แล้วเจอกันในเกมจ้า