น้องๆ อายุที่ไม่ถึง 20 โดยส่วนมากอาจจะรู้จักซีพียูจาก Intel ที่มีอยู่ตอนนี้แล้วอย่างตระกูล Intel Core i3 / i5 / i7 ซึ่งเป็นตัวที่แรงที่สุดในตอนนี้ของทาง Intel แต่ถ้าคนอายุเดียวกันกับผมจะพอรู้มาบ้างว่าเคยมี Intel Core i7-920 และ Core i7-980X ซึ่งตอนแรกก็มีพูดถึงกันแบบเล่นๆ ว่ามันน่าจะกลายเป็น Core i9 เพื่อให้ตามหลังรุ่นรหัสของมันไปซะเลย แต่จนแล้วในที่สุดเจ้า Intel Core i9 ที่เราคิดไว้ก็โผล่ออกมาเป็นตัวเป็นตนจริงๆ ในวันนี้จนได้
ด้วยความที่ Intel Core i7 ที่วางขายตอนนี้มันช่างมีหลายรุ่นเสียเหลือเกิน โดยมีตั้งแต่ Intel Core i7 รุ่นธรรมดา อย่างเช่น Core i7-7700 กับรุ่น Core i7-7700K ซึ่งเป็นรุ่นที่สามารถทำการโอเวอร์คล็อคได้สูงขึ้น และรุ่นตัวแรงอย่าง Intel Core i7-6950X ในรุ่น Extreme Edition เพื่อเกมเมอร์และสตรีมเมอร์ที่เรียกได้ว่าระดับขั้นสุดแล้ว แต่ทาง Intel ก็ยังมีของที่แรงกว่านั้นอีก แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอามาใส่ไว้ในตระกูล Core i7 ได้ เพราะประสิทธิภาพของซีพียูตัวใหม่นี้สูงกว่า Core i7 ที่วางจำหน่ายอยู่พอสมควร ก็เลยลงเป็นรุ่น Intel Core i9 X-Series ซะเลย
เจ้า Intel Core i9 X-Series จัดว่าเป็นซีพียูในระดับ Extreme โดย Intel ได้จัดหมวดหมู่อยู่ในตระกูล Intel Core X-Series บน Socket LGA2066 ที่นำมาวางจำหน่ายนั้นเริ่มต้นที่ Core i9-7900X ที่มีแกนประมวลผล 10 แกน 20 เทรด ใช้พลังงาน 140 วัตต์ รองรับการทำงานของแรมหรือหน่วยความจำชั่วคราวในแบบ Quad Channel ที่รองรับกับแรมประเภท DDR4 เริ่มที่ต้นบัส 2666MHz ขึ้นไป ซึ่งในปัจจุบันมีแรมที่มีความเร็วบัสสูงสุดที่ 4000MHz วางจำหน่ายแล้ว และเจ้า Intel Core i9 X-Series เองก็รองรับการทำงานแล้วด้วยเช่นกัน, มี PCIe Lanes ทั้งหมด 44 Lanes โดยเอาไว้รองรับการทำงานของการ์ดจอในแบบ SLI / CrossFire ของการ์ดจอทั้งสองค่าย และยังมีเหลือให้กับ SSD ในแบบ NVMe ให้ใช้งานแบบ RAID 0 ได้ด้วย และอีกจุดนึงคือเจ้าซีพียูตัวใหม่ล่าสุดเองก็รองรับการทำงาน Intel Optane Memory ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านเขียนข้อมูลที่รวดเร็วและว่องไวขึ้นด้วย
นอกจากนี้ความสามารถพิเศษของ Intel Core i9 X-Series ที่มาใหม่นั้นยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ Core i7 บน Socket LGA 1151 ไม่มีคือ Intel Turbo Boost Max ซึ่งเป็นการปรับการโอเวอร์คล็อคซีพียูเพิ่มได้อีกหนึ่งขึ้น เพื่อรีดเร้นประสิทธิภาพของซีพียูให้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม สามารถโอเวอร์คล็อคได้สูงขึ้นกว่าเดิม สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกม, ถ่ายทดสอด หรือทำงานตัดต่อให้ได้รวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ในรุ่นที่แรงที่สุดที่กำลังจะเข้ามาถึงนั่นคือ Intel Core i9-7980XE ซึ่งเป็นซีพียูแบบ 18 แกน 36 เทรด ซึ่งนับว่าเป็นซีพียูสำหรับใช้งานทั่วไปที่มีคอร์มากที่สุดในปัจจุบัน รองรับทั้งการเล่นเกมแบบปรับแต่งสูงสุดซึ่งทางอินเทลบอกเองเลยว่าได้เฟรมเรท 125fps แน่ๆ ดังนั้นอีกส่วนที่สามารถการันตีความลื่นไหลในการเล่นเกมแบบ VR ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะครับ โดยราคาคร่าวๆ อยู่ที่ประมาณ 72,000 บาท
ส่วนในการรองรับการใช้งานอื่นๆ อย่างเช่น SSD หรือฮาร์ดดิสก์ที่รองรับในการใช้งานบนพอร์ต SATA ก็มีให้มากถึง 8 พอร์ตด้วยกัน ยิ่งรวมถึงการทำงานร่วมกับ Intel Optane Memory ด้วยแล้วล่ะก็ จะทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมและทำงานที่สูงขึ้น ส่วนในด้านพอร์ตเชื่อมต่ออื่นๆ ก็มีพอร์ตที่ทันสมัยและพร้อมให้ใช้งานแล้วอย่างเช่น Thunderbolt 3 ซึ่งรับส่งข้อมูลความเร็วสูงถึง 40Gb/s ไม่ว่าจะเป็นการต่อมอนิเตอร์ความละเอียดสูงอย่างจอ 4K หรือจอที่ใช้ Refresh Rate สูงๆ ระดับ 144Hz ขึ้นไปก็ไม่ใช่ปัญหาเลยล่ะครับ โดยทั้งนี้บอร์ดที่ใช้งานร่วมกันก็ต้องเป็นเมนบอร์ดใน Socket LGA 2066 ซึ่งรุ่นใหญ่ระดับนี้จะมีพอร์ตเชื่อมต่อให้ครบทุกฟีเจอร์ที่ทางอินเทลได้ใส่ลงไปให้กับเจ้าซีพียูตัวนี้อย่างครบครัน ทั้งการทำงานและการเล่นเกมโดยที่แทบจะไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่มเติมเลยล่ะครับ
ทั้งนี้คนที่สนใจอยากสัมผัสหรือลองความแรงสามารถเข้าไปทดสอบได้ในบูธ Intel ที่งาน Thailand Game Show BIG Festival 2017 ชั้น 5 Royal Paragon Hall สยามพารากอน วันที่ 3-4-5 พฤศจิกายนนี้ได้เลยครับ