หลังจากที่เราได้แต่ชะเงอคอมอง Logitech ที่ต่างประเทศปล่อยตัว PRO Series ออกมาได้พักนึงแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาที่ประเทศไทยได้เจ้าตัวนี้เข้ามาวางจำหน่ายเสียทีกับ Logitech G PRO Keyboard เพราะตอนแรกกระแสก็มากันว่า PRO Series จะไม่เข้าไทย บางคนก็ว่าเข้า แต่รอบนี้ถือว่าเป็นที่กระจ่างชัดแจ้งกันแล้วว่าเข้าไทยแน่นอน เพราะอยู่ในมือผมแล้วเนี่ย! แต่ก็อย่าเสียเวลาเลยเรารีบๆ มาดูกันเลยครับ
Logitech G PRO Keyboard ตัวกล่องรอบนี้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครับ ตัดความเป็นสีฟ้าลงแล้วดุดันด้วยสีดำทั้งกล่อง หลงเลหือสีสันเอาไว้เพียงตัวรูปสินค้าและโลโก้ทิ้งไว้ให้เป็นสีสัน และสิ่งที่ Logitech G ให้คำคำเดียวที่โดดเด่นนั่นคือ “PRO” ที่ตัวกล่อง
แกะกล่องออกมาสิ่งที่เราพบก็คือตัวคีย์บอร์ดพร้อมสาย USB แต่ครั้งนี้มันแยกกันครับ! นั่นก็เพราะว่า Logitech ตั้งใจที่จะให้มันพกพาและเอาไปออกสนามแข่งได้ง่ายและพกพาได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้
สาย USB ที่ถอดเสียบได้จะมีก้ามปูเพื่อระบุตำแหน่งการใส่ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงตัวสายเป็นแบบสายถัก และแน่นอนว่ามีโลโก้ระบุตำแหน่งของสายมาให้ด้วย
น้องสุดท้องคนล่าสุด Logitech G PRO Keyboard ตัวนี้มีรูปทรงแบบเดียวกันกับ G810 และ G610 Orion Series เพียงแต่ PRO Keyboard โดนตัดส่วน Numeric Pad ออกเพื่อให้มีความเล็กและพกพาได้ง่าย
มาดูรูปทรงกันให้ชัดมากขึ้น ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ซึ่งไม่มีปุ่มใดๆ งอกเงยขึ้นมาเพิ่มเติมเว้นเสียแต่ปุ่มปิดเสียงและ Gaming Mode อีกจุดที่โดนตัดไปเพิ่มเติมนั่นคือ Wheel หรือลูกกลิ้งที่ปรับลดเสียงก็เอาออกไปด้วยครับ แต่ในฝั่งโลโก้ตัว G ยังมีเหมือนเดิมและเป็นไฟแบบ RGB
สวิตช์ที่นำมาใช้คือ Romor-G ระยะความห่างในการกด 1.5 มม. และใช้แรงในการกดอยู่ที่ 45 กรัม โดยที่การกดจะมีน้ำหนัก Cherry MX Red แต่มีเสียงในการกดมากกว่าเล็กน้อย และรูตรงกลางเป็นตำแหน่งที่ไฟ LED จะโผล่ขึ้นมาครับ
ขอบด้านข้างของ Logitech G PRO Keyboard มีความมันเงา แต่สิ่งที่ต่างไปคือปกติแล้ว Logitech จะมีรุ่นตามด้วยตัวเลข แต่รอบนี้ใช้เพียงคำเดียวเท่านั้นคือ PRO สลักเอาไว้ที่ตัวคีย์บอร์ดเลย
ระยะความสูงของคีย์บอร์ดหากต้องการใช้งานก็ปรับได้ 2 ระดับคือที่ 4 องศา และ 8 องศาและแต่ความถนัดของผู้ใช้ครับ ส่วนผมปรับสูงที่ 8 องศาเลยเพราะศอกการวางของผมต่ำกว่าตัวคีย์บอร์ด จึงปรับใกล้เคียงกับความสบายในการใช้งาน
ด้านหลังคีย์บอร์ดไม่มีอะไรเพิ่มนอกจากช่องเสียบ USB รับรองว่าเสียบไม่ผิดแน่นอนครับ
ซอฟต์แวร์ใช้งานร่วม: Logitech Gaming Software
ด้วยความที่มันปรับแต่งอะไรได้ค่อนข้างมาก ก็ใช้ร่วมกับ Logitech Gaming Software ไปด้วยเลย แค่ติดตั้งโปรแกรมแล้วเสียบคีย์บอร์ดก็จะขึ้นหน้าจอมาให้พร้อมปรับใช้งานได้ทันที แล้วเจ้าตัวนี้ปรับอะไรได้บ้าง เราไปทีละหน้าเลย
หน้าแรกขึ้นมาเป็นแบบนี้ทุกรุ่น เป็นหน้า Home ของทุกตัวเลยก็ว่าได้ครับ
เมื่อกดปุ่มใดๆ ที่ตัวคีย์บอร์ดบนหน้าจอแล้ว หากเป็นครั้งแรกที่ใช้ เจ้า Logitech จะทำการสแกนหาเกมที่ติดตั้งอยู่เอาไว้ โดยเมื่อสแกนเสร็จเรียบร้อย มันจะเก็บค่าปุ่มที่ใช้ในการเล่นเกมไว้ หรือสำหรับในบางเกมอย่าง Battlefield 1 เองมีค่า Profile สีไฟ LED เฉพาะตัวเวลาเล่นเอาไว้ให้ด้วย
สำหรับตัวเกมที่มีค่าโปรไฟล์มาให้แล้ว แต่ถ้าอยากเปลี่ยนก็ทำได้ครับ รวมถึงจะเอาไว้ตั้งค่าเป็นปุ่มมาโครก็ได้ด้วยเช่นกัน
ถัดมาในส่วนไฟ LED ของ Logitech G PRO Keyboard ตัวนี้เป็นไฟแบบ RGB ซึ่งปรับแต่งสีได้มากมาย จะมีไฟเป็นโหมดไฟแบบสำเร็จรูป ปรับความเร็วได้ หรือจะปรับแต่งสีไฟเองก็ได้เช่นกัน
ถัดมาเป็นส่วนของ Disabled Keys ครับ เพราะไม่ใช่ปุ่มวินโดวส์อย่างเดียวแน่ๆ ที่เรามักเผลอไปโดน เพราะบางปุ่มที่เราไม่ใช้งานก็อาจไปบังเอิญโดนและเสียเกมก็เป็นได้ ในส่วนนี้ Logitech ก็เพิ่มตรงนี้ไปให้เราเลือกปิดว่าจะไม่ใช่งานปุ่มไหนบ้าง โดยปุ่มจะใช้งานไม่ได้เมื่อเรากด Game Mode ตรงด้านซ้ายบนของคีย์บอร์ด ปัญหากวนใจว่าจะไปโดนก็หมดไป
ท้ายสุดเป็นตัว Analytics ก็คือเป็นการวัดและประเมินการใช้งานปุ่มต่างๆ ว่าเราใช้งานปุ่มไหนมากที่สุด
อันนี้ท้ายสุดกว่า เพราะเป็นส่วนของการตั้งค่ารับอัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ แนะนำให้มาลองเช็คเรื่อยๆ ครับเดือนละครั้ง เพราะเราอาจจะได้มีอัพเดทเฟิร์มแวร์ใหม่ หรือชุดโปรไฟล์สีของเกมใหม่มาเรื่อยๆ ทำให้มีลูกเล่นหรือการใช้งานที่ดีขึ้นครับ
บทสรุป: Logitech G PRO Keyboard
ด้วยความตั้งใจของ Logitech ที่ออกแบบรุ่น PRO Series เพื่อให้เกมเมอร์และสายอีสปอร์ตได้ใช้งานเป็นจริงจังกันมากขึ้น จึงได้ผลิตรุ่นนี้และมีเจ้า Logitech G PRO Keyboard ออกมาเพื่อเน้นการใช้งานที่สามารถพกพาไปลงสนามแข่งหรือเล่นกับเพื่อนได้ โดยที่ไม่ทิ้งในเรื่องของประสิทธิภาพออกไปแต่อย่างใด
ลูกเล่นของ PRO Keyboard ได้ครบทุกอย่างเพียงแค่ใช้งานร่วมกับ Logitech Gaming Software ก็สามารถใช้ได้ครบทุกความต้องการ การใช้งานเจ้า Romor-G ที่ผมเอามาใช้งานพักใหญ่ๆ แล้วให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างใกล้เคียง Cherry Red MX แต่ชอบตรงที่แรงกดไม่มากแต่เสียงคลิกจากการกดมีเสียงมากกว่า เนื่องด้วยตัวปุ่มเป็นหลุมทำให้ขอบของคีย์เวลากระแทกกับตัวแคปจึงมีเสียงมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ดังมากมาย เล่นได้สนุกมมือ สำหรับราคาค่าตัวของตัวนี้อยู่ที่ 4,799 บาทตามหน้าเว็บทางการของ Logitech ใครที่อยากลองก็ไปดูตามหน้าร้านชั้นนำได้เลยครับ