**คำเตือน** ภาพนี้ที่ท่านกำลังชมต่อไปนี้ อาจเจอภาพของความขาวที่กลมกลืนไปกับพื้นหลัง และอาจต้องลดความสว่างลงมาบางส่วน ควรใช้วิจารณญานในการรับชม***
ช่วงนี้คีย์บอร์ดส่งมากันเยอะจริงๆ ครับพี่น้อง แต่สำหรับเจ้า REDRAGON KUMARA นี่มาคู่กันกับ REDRAGON VARA น่ะแหละ แต่ผมแยกมาให้ดูกันอีกบทความไปเลยดีกว่าเนอะ เพราะเจ้านี้ไม่ได้เหมือนกันกับ VARA ด้วยความที่เจ้าตัวนี้เป็นคีย์บอร์ดแมคคานิคัลที่มีขนาดเล็กกว่าหรือที่เรารู้จักกันดีว่ามันคือ TKL Keyboard (Ten-Key Less) นั่นเองล่ะจ้า แล้วมันจะสวยน่าใช้งานแค่ไหน เราไปดูกัน
สำหรับ REDRAGON KUMARA มีกล่องที่หน้าตาค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่สังเกตง่ายๆ ให้ดูมุมขวาบนครับ เพราะชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าตัวนี้ออกแนวญี่ปุ่นจ๋ามาเลยล่ะ ส่วนในเรื่องของสีสันสำหรับทั้ง KUMARA และ VARA มีให้เลือก 2 สีครับ คือสีดำตามแบบหน้ากล่อง และสีขาวซึ่งเราจะได้ดูกันต่อจากนี้ไปนั่นแหละครับ
REDRAGON KUMARA ตัวเป็นๆ ที่ได้เห็นคือตัวสีขาวที่เราได้มารีวิวครับ ซึ่งด้วยความขาวทำให้แทบจะกลมกลืนไปกับพื้นหลัง กันเลยทีเดียว ดังนั้นบางรูปอาจจะลดความสว่างเพื่อให้เห็นตัวคีย์บอร์ดกันนะครับ สำหรับรูปทรงของ KUMARA เป็นฝาแฝดของ REDRAGON VARA เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นทรงสไตล์คลาสสิคเช่นกัน มาพร้อมกับ Otemu Mechanical Switch และไฟ LED ในแบบ RGB ที่มีลูกเล่นและสีสันแบบเดียวกันเลยครับ จะต่างก็เพียงในส่วนของ Num Pad หรือชุดตัวเลขที่ถูกตัดทอนลงไป ทั้งนี้สำหรับคนที่ชอบความเล็กกะทัดรัด หรือจะเอาไว้ใช้พกพาออกสนามแข่งล่ะก็ เจ้าตัวนี้สบายเลยล่ะ
ระดับความสูงของตัวคีย์บอร์ดและคีย์แคปนั่นก็เท่ากันกับ REDRAGON VARA ครับ ทั้งนี้ก็ปรับยกความสูงขึ้นมาอีก 5 องศาได้เช่นกันครับ
ดีไซน์เองก็เช่นกันครับ ปรับพื้นคีย์ลดลงแล้วทำให้ยกลอยขึ้น แต่สำหรับในตัวสีขาวจะใช้พื้นสีด้านล่างเป็นสีตะกั่ว เพื่อให้รูปทรงและดีไซน์สวยและดูแข็งแรง อีกอย่าง ถ้าพื้นล่างขาวไปด้วย การทำความสะอาดจะยากขึ้นเช่นกัน เพราะมันเลอะง่ายตามแบบสีขาว
ถึงจะเป็น TKL แต่ตัวสาย USB ไม่สามารถถอดสายออกได้นะครับ ดังนั้นถ้าจะเอาไปใช้งานก็ระวังหัวนิดนึง ถึงเค้าจะมียางรองกันสายหักแล้วก็ตามทีเนอะ ว่าแต่ความขาวนี่ขาวยาวตลอดจนถึงสายกันเลยทีเดียว
Otemu Blue Switch ที่ใช้แรงกดราวๆ 60 กรัม ก็ถูกนำมาใช้งานบน REDRAGON KUMARA ด้วยเช่นกันครับ แต่สิ่งที่ผมสังเกตความแตกต่างได้คือคีย์แคปของตัวนี้มีการออกแบบที่ต้องให้ใช้แรงกดที่มากขึ้นกว่าเดิมนิดนึง ซึ่งแรงกดเหมือนจะใกล้เคียงกับ Black Switch อยู่เหมือนกันครับ
สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนคีย์แคปหรือเอาออกมาทำความสะอาด ก็มีเจ้าตัวหนีบช่วยยกขึ้นมาได้ คีย์จะได้ขาวๆ กันแบบนี้
สำหรับฟังก์ชั่นไฟ LED ที่เป็นแบบ RGB มีลูกเล่นดังนี้ครับ
ชุดที่ 1 เมื่อกดแล้วไฟจะมีการเปลี่ยนสีไฟเป็นสีเดียวกันทั้งคีย์บอร์ด และทำการเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ หากกด FN+ชุดไฟ 1 อีกครั้ง ไฟ LED จะหยุดที่ไฟสีนั้น
ชุดที่ 2 เมื่อกดจะเป็นไฟ LED กระจายเป็นวงเหมือนหยดน้ำเป็นจังหวะ โดยมีพื้นไฟสีขาว หากกดอีกครั้ง การกระจายของวงไฟก็จะไปตามจังหวะที่เราพิมพ์งาน
ชุดที่ 3 เป็นการไล่สีแบบ Colorwave ไปทีละ 2 สี หากกอีกครั้งจะหยุดอยู่ในช่วงไฟที่พาดผ่านตอนนั้นเช่นเดียวกับการหยุดสีไฟชุดที่ 1
ชุดที่ 4 เป็นการไล่สีแบบสีรุ้งทั้งหมด หากกอีกครั้งจะหยุดอยู่ในช่วงไฟที่พาดผ่านตอนนั้นเช่นเดียวกับการหยุดสีไฟชุดที่ 1 และ 3
ชุดที่ 5 เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของไฟ LED เอง (Custom LED) ซึ่งมีไฟพื้นหลักเป็นสีขาว โดยเมื่อกดไปแล้วไฟ Numlock, Caps Lock และ Scroll Lock ทั้ง 3 จะกระพริบพร้อมกันซั้งเป็นการบอกว่าไฟพร้อมเปลี่ยนไฟบนคีย์บอร์ด เหมือนกับการตั้งสีไหม่ โดยกดปุ่มที่เราต้องการเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ เมื่อพอใจแล้วให้กดป่ม FN+ชุดสีนั้นอีกครั้งก็เสร๊จสิ้นการปรับแต่งสีเอง ซึ่งค่าชุดสีนี้เหมาะและมีประโยชน์ดีไม่น้อยเลยล่ะครับ
ชุดที่ 6 เป็น Ghosting Mode คือไฟจะแสดงตามคีย์ที่เรากดไปแล้วนั่นเอง นั่นเอง แต่ถ้าหากกด FN+ชุดไฟอีกครั้ง ไฟจะเปลี่ยนเป็นสีอื่นไปเรื่อยๆ
สรุปว่า!!!
สำหรับ REDRAGON KUMARA เรียกได้ว่าถอดแบบออกมาให้มีรูปแบบและฟังก์ชั่นที่เหมือนกับ REDRAGON VARA ครับ เพียงแต่ว่าเจ้านี้มีความเล็กและกะทัดรัดที่ลงตัวมากกว่า สำหรับคนที่ไม่ได้เน้นในส่วนของการใช้ Numpad และสายเกมเมอร์ที่เน้นพกพาออกสนามแข่งบ่อยๆ เจ้าตัวนี้ถือว่าโอเคและลงตัวดีครับ ในเรื่องของสวิตช์และลูกเล่นของตัวนี้ก็ดีเช่นเดียวกัน ดังนั้นความหลากหลายในลูกเล่นของเจ้าตัวนี้ก็น่าเล่นมาก โดยเฉพาะเป็นสีขาวแล้วแล้วมีไฟเป็น RGB ด้วย สาวๆ เองก็คงชอบอยู่ไม่น้อยเช่นกันครับ ท้ายสุดกับราคาซึ่งเจ้าตัวนี้ถูกกว่า REDRAGON VARA ลงมาอีก โดยอยู่ที่ 1,690 บาทเท่านั้นเอง สามารถหาซื้อได้ตามร้านเกมมิ่งเกียร์ชั้นนำได้แล้วจ้า