REVIEW: REDRAGON VARA MECHANICAL GAMING KEYBOARD หนึ่งคีย์บอร์ดที่น่าลองกับราคาที่น่าคบ

แชร์เรื่องนี้:
REVIEW: REDRAGON VARA MECHANICAL GAMING KEYBOARD หนึ่งคีย์บอร์ดที่น่าลองกับราคาที่น่าคบ

บางทีการที่เราอยากได้คีย์บอร์ดแมคคานิคัลดีๆ สักตัว ราคามันอาจจะเกินเอื้อมหากต้องการแบรนด์ใหญ่ๆ ก็น่าจะโดนไปหลายพันอยู่ไม่ใช่น้อย แต่สำหรับครั้งนี้ผมมีอีกแบรนด์อย่าง REDRAGON มาให้ชมกัน เพราะผมดูแล้วว่าแบรนด์นี้เองก็มี Mechanical Gaming Keyboard ที่น่าสนใจมาให้เป็นตัวเลือกเหมือนกัน ผมเลยขอทาง REDRAGON จัดส่งมาให้เล่นกัน ซึ่งนั่นคือเจ้า REDRAGON VARA Mechanical Gaming Keyboard ตัวนี้นี่เองครับ

 

REDRAGON เป็นแบรนด์ที่มีขายในบ้านเรามาได้สักระยะนึงแล้วครับซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีของดีๆ อย่างเจ้า REDRAGON VARA Mechanical Gaming Keyboard ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดที่มีสวิตช์แบบแมคคานิคัล หรือสวิตช์แบบกลไกครับ (ไม่งงนะ) โดยที่ตัวที่ผมได้รับมารีวิวเป็น Otemu Blue Switch ที่ใช้แรงกดราวๆ 60 กรัม ซึ่งค่อยข้างใกล้เคียงกับ Cherry MX Blue ที่ใช้แรงกดไล่ๆ กัน ส่วนความดังของเสียงในจุดนี้ขึ้นอยู่กับตัวสวิตช์ล่ะครับ ว่าแล้วเรามาดูรูปลักษณ์กันเลย

 

REDRAGON VARA MECHANICAL GAMING KEYBOARD

ดีไซน์นอกกล่องโชว์ตัวสินค้ากันให้ดูไปเลยว่า สวยประมาณนี้ได้แสงสีรุ้งประมาณนี้ เพราะพี่เป็นไฟ 16.8 ล้านสีหรือ  RGB นั่นเองจ้า ส่วนในเรื่องของฟีเจอร์และคุณสมบัติหน้ากล่องเองมีมาให้ครบเลยว่าทำอะไรได้บ้าง เดี๋ยวผมมาเล่าไปทีละตัวครับ

 

REDRAGON VARA MECHANICAL GAMING KEYBOARD

รูปชัดหน้าตรงหล่อๆ ของ REDRAGON VARA Mechanical Gaming Keyboard ตัวนี้ สีดำล้วนเรียบง่ายไม่มีปุ่มเพิ่มเติมอะไรครับ เพราะโดยรวมทั้งปุ่มมีเดียและฟังก์ชั่นอื่นๆ รวมไว้หมดแล้ว เพียงแค่กด FN แล้วเพิ่มด้วยปุ่มที่ต้องการใช้ ดังนั้นดีไซน์จึงไม่ต้องใช้ปุ่มอะไรให้เยอะแยกมากมาย เพราะในเทรนด์ยุคนี้ งดลำไย ไม่ต้องใส่เยอะ ขอเรียบง่ายและสวยงามเท่านั้นพอ

 

จะเห็นได้ว่า Layout หรือการวางแบบตัวอักษรภาษาอังกฤษทำแบบฟอนต์ให้สวยและไม่เหมือนใคร ส่วนภาษาไทยใช้ตัวเรียบง่ายเพราะจะได้อ่านง่ายและชัดเจน ระยะห่างของระหว่างตัวฟอนต์เป็นขนาดมาตรฐาน

 

ระยะความสูงของคีย์บอร์ดรูปแรกคือทางด้านหน้า และถัดมาเป็นด้านของของคีย์บอร์ด ซึ่งระดับความสูงไม่ได้สูงอย่างที่คิดสามารถเอามือวางได้พอดิบพอดี แต่ถ้าใครที่มือเล็กหน่อยก็ปรับระยะขึ้นได้อีก 5 องศาครับ

 

การออกแบบ VARA ทำออกมาได้ไม่เหมือนใครครับ เพราะเค้าทำให้พื้นของคีย์บอร์ต่ำกว่าฐานแล้วให้ตัวคีย์ยกลอยขึ้นมาแทน ดูเป็นมิติและสวยไปอีกแบบ

 

ว่าแล้วก็แกะคีย์ออกมาสักตัว นี้แหละครับ หน้าตาของ Otemu Blue Switch ซึ่งมีหน้าตาทรงเดียวกันกับสวิตช์แมคคานิคัลที่มีแทบทุกตัวครับ

 

ในส่วนคีย์บอร์ดผมขอเข้าประเด็นที่ตัวสำคัญกันเลยครับ เพราะมีเดียคีย์คงใช้กันปกติอยู่แล้ว เรามาโฟกัสที่ไฟ LED กันเลยครับ เพราะคีย์บอร์ดตัวนี้มีฟังก์ชั่นไฟที่มากลูกเล่นและสามารถเปลี่ยนได้บนคีย์บอร์ดในทันทีโดยที่ไม่ต้องมานั่งเปลี่ยนสีผ่านซอฟต์แวร์ใดๆ ให้ยุ่งยากแม้แต่น้อย สำหรับการกดเปลี่ยนไฟให้กดที่ปุ่ม FN ตามด้วยฟังก์ชั่นไฟที่มีเหนือโลโก้ซึ่งมีทั้งหมด 6 ชุด และในแต่ละชุดก็สามารถปรับแต่งได้อีกต่างหากด้วยครับ เพียงแค่กด FN + ชุดไฟสีเดิมอีกครั้ง งั้นเราไปกันทีละชุดดังนี้

 

ชุดที่ 1 เมื่อกดแล้วไฟจะมีการเปลี่ยนสีไฟเป็นสีเดียวกันทั้งคีย์บอร์ด และทำการเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ หากกด FN+ชุดไฟ 1 อีกครั้ง ไฟ LED จะหยุดที่ไฟสีนั้น
ชุดที่ 2 เมื่อกดจะเป็นไฟ LED กระจายเป็นวงเหมือนหยดน้ำเป็นจังหวะ โดยมีพื้นไฟสีขาว หากกดอีกครั้ง การกระจายของวงไฟก็จะไปตามจังหวะที่เราพิมพ์งาน

ชุดที่ 3 เป็นการไล่สีแบบ Colorwave ไปทีละ 2 สี หากกอีกครั้งจะหยุดอยู่ในช่วงไฟที่พาดผ่านตอนนั้นเช่นเดียวกับการหยุดสีไฟชุดที่ 1

ชุดที่ 4 เป็นการไล่สีแบบสีรุ้งทั้งหมด หากกอีกครั้งจะหยุดอยู่ในช่วงไฟที่พาดผ่านตอนนั้นเช่นเดียวกับการหยุดสีไฟชุดที่ 1 และ 3

ชุดที่ 5 เป็นการเปลี่ยนรูปแบบของไฟ LED เอง (Custom LED)  ซึ่งมีไฟพื้นหลักเป็นสีขาว โดยเมื่อกดไปแล้วไฟ Numlock, Caps Lock และ Scroll Lock ทั้ง 3 จะกระพริบพร้อมกันซั้งเป็นการบอกว่าไฟพร้อมเปลี่ยนไฟบนคีย์บอร์ด เหมือนกับการตั้งสีไหม่ โดยกดปุ่มที่เราต้องการเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ เมื่อพอใจแล้วให้กดป่ม FN+ชุดสีนั้นอีกครั้งก็เสร๊จสิ้นการปรับแต่งสีเอง ซึ่งค่าชุดสีนี้เหมาะและมีประโยชน์ดีไม่น้อยเลยล่ะครับ

ชุดที่ 6 เป็น Ghosting Mode คือไฟจะแสดงตามคีย์ที่เรากดไปแล้วนั่นเอง นั่นเอง แต่ถ้าหากกด FN+ชุดไฟอีกครั้ง ไฟจะเปลี่ยนเป็นสีอื่นไปเรื่อยๆ

สรุป น่าเล่นไหม?

                ได้ไปสองรางวัลจาก OS แล้วไม่น่าเล่นนี่ก็ไม่ไหวน้า อิอิ ต้องบอกการว่าการดีไซน์นั้นไม่ได้เข้ามาอยู่ในหัวผมมากเท่าไหร่ เพราะรูปแบบการออกแบบของคีย์บอร์ดทรงคลาสสิคแบบนี้มีทั่วตลาด แต่สิ่งที่มันน่าโดดเด่นคือถึงแม้เจ้านี้เป็น Otemu Blue Switch แต่คีย์แคปที่เอามาสวมนั้นออกแบบมาได้ค่อนข้างดีครับ เพราะแรงกดและความรู้สึกค่อนข้างใกล้เคียง Cherry MX Blue ส่วนในเรื่องของเสียงนั้นก็ไม่แพ้กันเลยสำหรับสายเน้นพิมพ์เสียงดังพอกันเลยล่ะครับ

                อีกจุดที่น่าสนใจก็คงไม่พ้นในเรื่องของลูกเล่นไฟ LED ที่เป็น RGB ปรับเปลี่ยนรูปแบบสีได้ 6 ชุดและแต่งเล่นเพิ่มเติมได้อีกมาก แถมการทำงานของไฟ LED สามารถทำงานได้อย่างดีและมีความสว่างสู้แสงไฟปกติได้ดีในระดับนึงเลยล่ะครับ ส่วนในเรื่องของราคาถือว่าคุ้มกับค่าตัวครับ เพราะ REDRAGON VARA Mechanical Gaming Keyboard ราคาเพียง 1,990 บาทเท่านั้นเอง เทียบกับแมคคานิคัลอย่าง Cherry MX Blue ตัวอื่นอย่างน้อยก็สองพันปลายๆ เข้าไปแล้ว หากใครที่งบน้อย แต่อยากได้ของดีๆ ผมแนะนำให้ลองตัวนี้ครับ!!

 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ