สัมภาษณ์พิเศษ CGM48 Hokori no Oka - เนินเขาแห่งความฝัน ทางแยกแห่งความจริง

แชร์เรื่องนี้:
สัมภาษณ์พิเศษ CGM48 Hokori no Oka - เนินเขาแห่งความฝัน ทางแยกแห่งความจริง

ขออภัยในความล่าช้าไปมากจริงๆ ครับสำหรับบทสัมภาษณ์พิเศษ 6 สาว CGM48 ในซิงเกิลใหม่ของอัลบั้มที่ 3 Hokori no Oka ที่นอกจากจะสื่อถึงการขึ้นมาของสมาชิกรุ่นใหม่ ก็ยังเป็นดั่งคำบอกลากลายๆ ต่อสมาชิกรุ่น 1 ที่เตรียมโบกมือลาวงกันเร็วๆ นี้ (ก่อนไปร่ำลากันเต็มๆ ในเพลง Kaze wo Matsu - ความทรงจำในสายลม)

โดยในบทสัมภาษณ์นี้เราได้นั่งคุยกับ 6 สาวสมาชิกเซมบัตสึ หลิงหลิง, นานา, จิงจิง, เพลิน, เหมย และ พิม ทั้งเกี่ยวกับบทเพลง และฉากทัศน์ในอนาคตข้างหน้าของตัววงที่ไม่มีรุ่นหนึ่งแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ตามมาอ่านกันได้เลยครับ

48TH เนี่ยเพิ่งครบรอบ 8 ปีไป พวกเรามีความทรงจํายังไงเกี่ยวกับวงบ้าง ตั้งแต่วงเกิดขึ้นในไทยจนมาถึงวันที่ตัวเองได้เข้ามาเป็นเมมเบอร์ รู้สึกอะไรยังไงกันบ้างครับ?

พิม - ตัวหนูเองก็ตาม 48 มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ เลยค่ะ อาจจะไม่ทันตอน Aitakatta แต่ก็เคยได้ยินเพลงค่ะ มาเริ่มตามจริงจังช่วงคุกกี้ค่ะ สมัยนั้นก็จะรู้สึกว่า อุ้ย แบบคนเหล่านี้เค้าเป็นใครกัน ทําไมรู้สึกว่าพวกเขาดูเฉิดฉาย ดูน่ารัก เราเลยไปเต้นที่โณงเรียน ไปเผยแพ่ลัทธิ (หัวเราะ) แต่ก็ยังไม่ได้นึกฝันว่าจะเขามาอยู่ในวงอะไร แต่พอได้มีโอกาสเข้ามาในวงก็รู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นที่ๆ ทําให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมาย ทําให้เจอกับแฟนคลับด้วย และทําให้เรารู้สึกว่าเฮ้ย มันมีคนที่แบบพร้อมจะซัพพอร์ตเรารักเราอะไรอย่างงี้น่ะค่ะ แล้วเราเองที่เคยเป็นแฟนคลับเหมือนกันมาก่อนก็สามารถเข้าใจความใจความรู้สึกเหล่านั้นได้มากขึ้นค่ะ

เหมย - ของเหมยนี่ตาม BNK จริงจังก็น่าจะช่วงฤดูใหม่ค่ะ ของรุ่นที่ 2 ค่ะ เพราะว่าเป็นเพลงที่เน้นเต้นแล้วเหมยเองก็ชอบเต้นมากๆ ถึงขนาดแบบแกะเองเต้นเอง แล้วช่วงนั้นก็พยายามที่จะส่งออดิชั่นหลายๆ ที่อะไรอย่างงี้ค่ะ รวมไปถึงของ CGM ด้วย ก็เลยได้เข้ามาเป็น CGM ค่ะ ซึ่งจากวันนั้นก็ผ่านมา 6 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็รู้สึกรักงานการเป็นไอดอลมากค่ะ แบบคือตอนแรกเราแค่ชอบเต้นใช่ไหมคะ แต่เราไม่ได้ชอบร้องหรือว่าเรื่องที่ต้องพูดคุยกับคนอื่นขนาดนั้น เพราะเราไม่ใช่คนพูดเก่งอะไร แต่พอเรามาอยู่ที่นี่เราต้องแบบต้องคุยกับแฟนคลับให้ได้ ต้องร้องเพลงได้ ต้องเต้นได้ด้วย มันเลยช่วยพัฒนาสกิลที่เราไม่เคยมีมาก่อนค่ะ ทำให้ตัวเราเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์ขึ้น

นานา - หนูก็ตามช่วงคุกกี้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะสมัคร คือเราชอบเฉยๆ อะไรอย่างงี้ แต่พอมีวง CGM ขึ้นมา ก็รู้สึกว่ามันดูแตกต่างไปจาก BNK แล้วแบบเรารู้สึกชอบมากกว่าก็เลยลองมาสมัครดูค่ะ คือตอนที่เข้ามารุ่น 2 เพราะว่าเราไม่แน่ใจในช่วงแรกว่าหน้าตาของ CGM เป็นแบบไหนก็เลยไม่ได้ยื่นออดิชั่นไปค่ะ แล้วพอมาอยู่นี่ก็รู้สึกว่าที่นี่เป็นเหมือนโรงเรียนค่ะ เพราะว่าก่อนหน้านี้คือหนูไม่ได้เป็นคนที่กล้าแสดงออกอะไร ไม่ได้เป็นคนที่แบบร้องเก่ง เต้นเก่ง คือทแทบไม่เป็นเลย แต่พอมาอยู่นี่ก็ทําให้ได้ฝึกฝน ทั้งสกิลการเต้น การร้อง การพูดคุยต่างๆ เยอะมาก ก็เลยรู้สึกว่ารู้สึกคิดถูกจริงๆ ที่เข้ามาที่นี่

หลิงหลิง - ก็ 8 ปีที่แล้วน่าจะเพิ่งเริ่มเรียนเต้นอะค่ะ เหมือนแบบว่าเพิ่งเข้ามาทางนี้จริงจัง จําได้เหมือนมีคนพูดว่าไปสมัคร BNK สิอะไรอย่างเงี้ย แต่ว่าตอนนั้นเป็นเด็กขี้อายมาก จนถึงจุดหนึ่งเรารู้สึกว่ากล้าแสดงออกมากขึ้น มั่นใจมากขึ้น เลยได้สมัครแล้วเข้ามาอยู่ในวง ซึ่งพอเข้ามา CGM ก็รู้สึกเหมือนกับที่นานาบอกค่ะ ที่นี่เหมือนโรงเรียน สอนหลายๆ อย่าง แล้วก็รู้สึกว่ามนุษยสัมพันธ์เราดีขึ้น จากก่อนหน้าที่เราคุยกับคนอื่นยากเพราะกังวลว่าเขาจะอยากคุยกับเราไหม หรือกลัวต่อบทสนทนาไม่ติด ตอนนี้ก็ดีขึ้นมามากเพราะได้ที่นี่ช่วยสอนค่ะ

เพลิน - คือ 8 ปีที่แล้วหนูยังอยู่ ป.5 อยู่เลยค่ะ (หัวเราะ) มาเริ่มตามตอนช่วงคุกกี้เหมือนกันค่ะ แต่นั้นยังเต้นหลังห้องกับเพื่อนอยู่เลย คืออยากสมัครออดิชั่นตั้งแต่ตอนนั้นแต่ว่าอายุยังไม่ถึง แต่พอเข้ามาเป็นแล้วก็รู้สึกว่ายากกว่าที่คิด คือด้วยความที่เราตามมาตั้งแต่เด็กๆ ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันน่าจะสวยงาม ให้กำลังใจกันและกัน ดูแฮปปี้มากๆ แต่ของจริงต้องยอมรับว่ามันหนักกว่าที่คิดไว้ ยากกว่าที่จินตนาการมาก แต่การอยู่ที่นี่ก็ให้อกาสเราได้ทำอะไรที่เยอะขึ้น เรียนรู้อะไรมากขึ้น ประสบการณ์ก็เพิ่มตามไปด้วย ถึงต้องทำอะไรหลายอย่าง แต่ก็สนุกดี

จิงจิง - พอมองย้อนไป 8 ปีก่อน คือตอนนั้นเหมือนยังไม่ได้รู้จัก BNK แต่ว่าเพื่อนร่วมรุ่นก็รู้จักกันหมด เราก็เลยได้ซึมซับมาด้วยแล้วก็เลยรู้สึกว่าอยากมาสมัคร BNK บ้าง แต่วงอยู่กรุงเทพฯ หนูก็มาไม่ได้อะไร พอผ่านไป 2-3 ปีใช่ไหมคะ เขาก็ประกาศว่าจะมีวงที่เชียงใหม่นะ เราก็เลยรู้สึกว่าอยากสมัคร แต่ว่าหนูไม่ติดออดิชั่นตอนรุ่น 1 ก็เลยแบบพักตรงนี้ไปพักใหญ่ๆ จนเริ่มมีประกาศออดิชั่นรุ่น 2 ก็เป็นช่วงที่หนูจะต้องไปเรียนที่จีนแล้ว แต่ก็ขอลองเสี่ยงอีกรอบ ถ้าไม่ได้รอบนี้มันก็คือคำตอบของชีวิตเราแล้ว เป็นอีกช่วงที่ตัดสินใจยากมากของชีวิตค่ะ แต่ก็ขอเลือกที่นี่ อยากรู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไง ซึ่งมันก็หนักจริงๆ ทั้งต้องซ้อม ทำงาน แล้วก็ต้องเรียน เหนื่อยกับการจัดการเรื่องพวกนี้ แต่พอโตขึ้นมันก็ค่อยๆ ลุยจนผ่านมาได้ คิดว่าทุกๆ คนก็คงเจอเรื่องที่คล้ายๆ กันตอนนี้ก็ 4 ปีแล้วค่ะ จัดการได้ดีขึ้นเยอะ

CGM48

 

มาถึงเรื่องของเพลงหลักบ้าง Hokori no Oka เป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร หรือเพลงนี้มีแนวคิดยังไงบ้าง?

นานา - Hokori no Oka ถ้าแปลตรงตัวก็จะแปลว่าเนินเขาแห่งความภาคภูมิใจค่ะ ก็เนื้อเพลงก็จะประมาณว่า เป็นการเดินทางที่แบบเต็มไปด้วยความพยายามของพวกเราที่มีเป้าหมายเดียวกัน และอยากจะทําให้ CGM เนี่ยเติบโตอย่างสวยงาม แม้จะเจออุปสรรคมากมาย ก็สามารถจับมือฝ่าฟันกันมาได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะ แล้วก็จะมีท่อนที่รุ่นหนึ่งเหมือนได้ส่งต่อความฝันถึงรุ่นถัดไปให้ได้สานต่ออะไรอย่างงี้ค่ะ แล้วก็ตัวเพลงจะมีกิมมิคเป็นเรื่องของภูเขา ซึ่งเหมือนเป็นภาพจำแทนตัววงเราด้วยค่ะ

หลิงหลิง - รู้สึกว่าเป็นเพลงที่แบบสื่อถึง CGM48 ชัดดีอ่ะค่ะ ตอนที่เห็นเพลงครั้งแรกก็รู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่พูดถึง CGM48 แบบอ้อมๆ แต่ก็ชัดเจนเหมือนทุกอย่างในเนื้อเพลงมันคือ CGM48 ทั้งหมดเลย อย่างกับเป็นเพลงที่สื่อออกไปให้แฟนคลับหรือว่าทุกๆ คนได้สัมผัสกับมันค่ะ

เหมยกับพิมอยากพูดอะไรไหมในฐานะเป็นรุ่นพี่เป็นเซมไป?

เหมย - คือตอนที่ได้อ่านเนื้อครั้งแรกอะค่ะ ก็รู้สึกว่าเพลงนี้ค่อนข้างที่จะพูดถึงการส่งต่อมากๆ แล้วก็มาในช่วงเวลาแบบนี้ เราก็ค่อนข้างที่จะอ่อนไหวนิดนึง รู้สึกว่าอินกับมันได้มากกว่าปกติ เพราะพวกเราก็ช่วยสร้างกันมา แต่ก็ถึงเวลาต้องฝากน้องๆ ต่อแล้วอะไรแบบนี้

พิม - จริงๆ ตอนแรกหนูก็แอบรู้สึกเป็นห่วงเหมือนกันว่าถ้าสมมติพวกเราไม่อยู่แล้วจะเป็นยังไงต่อ วงมันจะเป็นไปในทิศทางแบบไหน แต่ว่าพอมาช่วงหลังก็รู้สึกว่ามั่นใจขึ้นมากๆ ว่าน้องๆ เราทําได้แน่นอนด้วยแพสชั่นที่มี อย่างรุ่น 4 ที่เพิ่งเข้ามาก็แพสชั่นแรงมากๆ รุ่น 2 ก็ยังทําหน้าที่ได้ดีมากๆ เหมือนกัน ส่วนรุ่น 3 ก็มีแพสชั่นที่ยังไม่แพ้ใครก็รู้สึกว่าพวกเขายังพาวงไปต่อได้แน่นอน กลายเป็นว่ารู้สึกเหมือนหมดห่วงแล้ว

CGM48

ดับเบิ้ลเซนเตอร์มีส่วนในเพลงนี้มากไหม?

หลิงหลิง - เราเป็นคนเสนอชื่อเพลงค่ะ ที่จริงคือมีหลายตัวเลือก มีหลายช็อยส์ และหลายแนว แต่สุดท้ายก็ได้มาเป็นชื่อเนินเขาแห่งความฝันค่ะ คือมันเป็นเรื่องใหม่ๆ ที่ได้ลองทำเพราะหลิงๆ ก็ไม่เคยมีโอกาสคิดชื่อเพลงมาก่อน มันยากกว่าที่คิด ใช่เหมือนกันไม่ไม่เคยคิดชื่อเหมือนกัน

นานา - ไม่เคยคิดว่าจะได้คิดชื่อเพลงเหมือนกันค่ะ เพราะว่าเซนเตอร์รอบที่แล้วก็คือ Love Trip ซึ่งชื่อเพลงมันก็ทับศัพท์ไปเลย สำหรับหนูตอนที่รู้ว่าจะได้เป็นเซนเตอร์อีกรอบก็รู้สึกช็อคค่ะ ตกใจเลยเพราะมันเร็วมาก เหมือนเพิ่งได้เป็นไปเอง แล้วคือรอบนี้ได้เป็นคู่กับพี่หลิงด้วย รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะมาก คือตอนรอบที่แล้วยืนคนเดียวเลยรู้สึกกดดัน พอมารอบนี้ก็เหมือนมีคนมาแบ่งเบา แถมมีประสบการณ์แล้วก็เลยไม่กดดันเท่ารอบก่อนค่ะ ตัวพี่หลิงเองก็ทำได้ดี เราเหมือนเป็นแฝดกันเลยค่ะ

CGM48

ถามหลิงหลิงบ้างดีกว่า ช่วงนี้เหมือนโอกาสมันเข้ามาหาเราเยอะ รับมือกันมันยังไงหรือรู้สึกยังไงบ้าง?

หลิงหลิง - เอาจริงๆ ก็คือช็อคค่ะ เหมือนนานาเลย คือหลิงเป็นคนชอบตั้งเป้าหมายในวงอยู่แล้ว เซ็นเตอร์ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมาย แล้วก็คิดว่าทุกๆ คนก็มีเป้าหมายเดียวกัน แต่มันก็เข้ามาหาเร็วกว่าที่คิดมากอยู่ดี กังวลมากๆ ในทีแรกว่าทุกๆ คนจะคิดว่าเราพร้อมมั๊ย หรือแม้แต่ตัวเราเองก็ยังตั้งคำถามในจุดนี้ แต่มันก็มีแวบหนึ่งที่คิดว่าเราคงไม่มีทางรู้ว่าตัวเองพร้อมจนกว่าจะได้เผชิญหน้ากับมันจริงๆ ก็เลยพยายามทำให้ดีค่ะ อีกอย่างคือมันก็เป็นโอกาสสำคัญ และเป็นเพลงที่สำคัญมากๆ กับ CGM48 ตอนนี้ด้วย กดดันมากๆ แต่มันก็เหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ 

CGM48

โอเคพูดถึงเรื่องวง มันก็เป็นเรื่องชัดเจนที่วงกำลังเจอกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนที่ยังอยู่จะรับมือกับมันยังไง หรือจัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังไงบ้าง?

หลิงหลิง - คือไม่แน่ใจว่าทุกคนจะรู้สึกยังไงกัน เพราะว่าแต่ละคนก็มีประสบการณ์ไม่เหมือนกันใช่ไหมคะ แต่สพหรับตัวหลิงเองคือมีความกังวล คือเราเห็นแหละทั้งผู้ใหญ่ทั้งแฟนคลับก็เชื่อมั่นเรากันอยู่ แต่ก็ไม่สามารถสลัดความกัลวลออกไปได้ คือรุ่นพี่ทำมาขนาดนี้ เราจะสามารถสานต่อมันได้ไหม หรืออนาคตจะเป็นอย่างไร หนูว่าตัวหนูคิดเรื่องอนาคตเยอะอยู่เหมือนกันค่ะช่วงนี้

เพลิน - มองภาพไม่ค่อยออกเหมือนกันค่ะว่าถ้าวงไม่มีรุ่นหนึ่งแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าท้ายที่สุดมันจะต้องออกมาดี ไปรอดได้ เพราะพวกเราก็ตั้งใจกันทุกคน มีแพสชั่นกันทุกคน เชื่อว่ายังทำตรงนี้ต่อไปได้ พา CGM เดินหน้าไปต่อได้แน่นอน

จิงจิง - เหมือนกันค่ะ พูดไม่ได้ว่าจะไปในทิศทางไหน เพราะเวลานี้มันยังไม่เกิดขึ้น แต่หากถึงตอนนั้นจริงๆ คิดว่าทุกคนคงมีวิธีรับมือกับมันค่ะ สามารถทำให้วงไปต่อได้ ไม่อยากให้คิดว่าถ้าไม่มีพี่ๆ หรือไม่มีคนคอยช่วยเหลือแล้วมันจะไปต่อได้ไหม ซึ่งคำถามก็มากมายในหมู่แฟนคลับ แต่ก็ยังอยากบอกพวกเขาว่าเรายังอยู่นะ เรายังอยู่เชียงใหม่ เชียงใหม่ก็ยังมี CGM อยู่ และพร้อมจะไปต่อกับน้องๆ รุ่นใหม่ รุ่น 4 ก็แพสชั่นเยอะมากๆ เลย อยากฝากน้องๆ ต่อไปด้วยค่ะ

นานา - ตอนแรกกังวล ตอนนี้ก็ยังกังวลอยู่ค่ะ แต่มันมีความคิดอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย ให้พูดแบบเรียลๆ ก็คิดว่ายอดขายของเราอาจจะไม่เยอะเท่าเดิม น้อยลงกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็เชื่อมั่นในตัวพี่จิงจิงกับพี่เกดค่ะว่าต่อจากนี้จะทำออกมาได้ดี แล้วพี่เกดในฐานะกัปตันวงก็น่าจะเลือกสิ่งดีๆ ให้เข้ากับวงเราค่ะ ถึงแม้มันเหมือนว่าเราจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกรอบ แต่พวกเราก็ตั้งใจว่าไม่อยากให้มันจบลงที่ตรงนี้ จะทำให้ดี พยายามให้ดีเท่ากับรุ่นพี่ อยากให้มันไปต่อได้ค่ะ และไม่ว่ายังไงก็ยังอยากให้ทุกคนคอยซัพพอร์ตพวกเราอยู่ค่ะ เพราะพวกเราก็ยังมีแพชชั่นกับตรงนี้มากจริงๆ

แล้วพิมกับเหมยวางแผนอนาคตไว้ยังไงบ้าง?

พิม - หลังจากนี้คงกลับไปเรียนค่ะ ไม่ได้แพลนไกลขนาดนั้นว่าจะทำอะไร แต่เป้าหมายแรกๆ ก็คงเป็นเรื่องอยากจะเรียนให้จบ และถ้าระหว่างนั้นสนใจอะไรก็อาจจะลองลงมือทำค่ะ ยังไม่ได้มีภาพขนาดนั้น

เหมย - หนูก็ไปเรียนต่อเหมือนกันค่ะ คือเราเรียนมหาวิทยาลัยขึ้นปี 2 แล้วก็ยังรู้สึกว่าไม่ได้เต็มที่กับมันเลยค่ะ เพราะว่าต้องทำ 2 หน้าที่ควบคู่กันไป เลยคิดว่าถ้าจบจากตรงนี้ก็คงกลับไปตั้งใจเรียนค่ะ แล้วก็ยังไม่ได้คิดต่อว่าถ้าเรียนจบแล้วจะเป็นยังไง เพราะยังไม่รู้จะเรียนจบเมื่อไหร่ (หัวเราะ)

CGM48

สุดท้ายแล้ว ขายน้องใหม่อย่างรุน 4 ให้พี่หน่อย

นานา - แพสชั่นแรงมากค่ะ ถึงสกิลในภาพรวมอาจจะยังไม่เท่ากับรุ่น 2 รุ่น 3 เวลานี้ แต่คิดว่าอนาคตเก่งพอๆ กันแน่นอน เผลอๆ เก่งกว่าด้วยซ้ำ อยากให้รอติดตามการอีโวฯ ของน้องๆ ไปเรื่อยๆ ค่ะ

พิม - ขอเล่าค่ะ ตอนนั้นเสร็จงานแล้วเราไปกินชาบูกัน มีน้องรุ่น 4 ด้วย พอกินเสร็จก็ได้คุยเล่นกันใช่ไหมคะ มีเล่นเกม มีเต้น หนูรู้สึกนึกถึงรุ่น 1 ช่วงแรกๆ ที่เข้าวงมาเลยค่ะ มีความอะเลิร์ธ พลังงานก็เยอะมากๆ ดวงตาเป็นประกาย มีแพสชั่น มีความฝัน เหมือนพวกหนูช่วงแรกมากจริงๆ ก็เลยคิดว่าน้องๆ จะทำได้ดีเหมือนพวกเราค่ะ

เหมย - คือน้องมีสกิลติดตัวตั้งแต่ก่อนเข้าวงมาแล้ว หลายคนก็เต้นเก่งร้องเก่งเป็นทุนเดิม เราก็เชื่อจริงๆ ว่าน้องจะเป็นนิวเจนเนอเรชั่นได้ค่ะ

มีใครอยากทิ้งท้ายอะไรไหม?

หลิงหลิง - ก็อยากฝาก CGM48 ค่ะ คนที่เข้ามาอ่านบทความก็คงมีทั้งคนที่เป็นแฟนคลับ หรืออาจจะมีใครที่ไม่รู้จักเราผ่านมาอ่านด้วย อยากฝากซัพพอร์ต CGM48 ด้วยนะคะ เราเป็นวงจากเชียงใหม่ อยากสื่อถึงความเป็นเชียงใหม่ให้ทุกคนได้รับรู้เหมือนที่เราได้สัมผัส ฝาก CGM48 ต่อไปในอนาคตด้วยนะคะ

จิงจิง - ฝากติดตามอีกหลายๆ ผลงานที่จะตามมาเหมือนกันค่ะ มีอีกหลายเพลงที่จะเข้ามา CGM เหมือนกัน ฝากน้องๆ ทุกรุ่น รวมถึงน้องๆ รุ่น 4 และพี่ๆ รุ่น 1 ในช่วงเวลาที่เหลือด้วยนะคะ


ติดตามข่าวสารวงการบันเทิง ไลฟ์สไตล์อื่นๆ ได้ที่ Online Station

แชร์เรื่องนี้:
Dark_Libra
About the Author

Dark_Libra

Everything in this world comes down to the matter of ponytail

เรื่องที่คุณอาจสนใจ