กลายเป็นกระแสร้อนในวงการคอสเพลย์แดนปลาดิบ เมื่อนักคอสเพลย์และยูทูบเบอร์สาวชื่อดัง “Chukimeroday” (ชูคิเมะโรเดย์) ออกมาเปิดใจกับสื่อญี่ปุ่น Bunshun ว่าเธออยากจะลบรอยสักทั้งหมดบนร่างกายออกไป หลังรู้สึกว่ามันกลายเป็น “กำแพง” ที่ทำให้ผู้คนตีตัวออกห่าง ทั้งแฟนคลับ งาน และความรักแย่ลงไปหมด!
Chukimeroday เล่าว่าหลังจากมีรอยสัก ฟีดแบ็กจากแฟนคลับก็ไม่สู้ดีนัก หลายคนถึงกับ "ช็อก" ทำให้เธอรู้สึกแย่ นอกจากนี้ รอยสักยังส่งผลกระทบต่อโอกาสในหน้าที่การงาน เช่น อาจถูกจำกัดการเข้าร่วมกิจกรรมบางอย่าง และที่สำคัญคือมันกระทบชีวิตรักอย่างจัง เธอยอมรับว่าเสน่ห์ของเธอลดลง ผู้คนไม่กล้าเข้ามาจีบหรือสานสัมพันธ์ด้วยเหมือนเคย ทำให้ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในกระบวนการลบรอยสัก และหวังว่าจะลบออกได้ทั้งหมด
นอกเหนือจากผลกระทบโดยตรงแล้ว ชีวิตส่วนตัวของเธอก็ถูกจับจ้องเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องที่เธออาศัยอยู่กับผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยในหมู่ผู้คน แม้เธอจะยืนยันความสัมพันธ์แค่ในฐานะงานก็ตาม ประกอบกับความคิดเห็นเชิงลบอย่างรุนแรงจากชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยในญี่ปุ่น ที่ยังคงมองว่ารอยสักเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มคนบางประเภท หรือมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ทำให้เธอต้องเผชิญกับแรงกดดันทางสังคมอย่างหนัก
ตัวอย่างความคิดเห็นบางส่วนจากโลกออนไลน์ ก็สะท้อนมุมมองเหล่านี้ได้ชัดเจน เช่น:
- "จริงเลย รอยสักมันสัญลักษณ์พวกนอกกฎหมายชัดๆ ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาดิ พวกติงต๊องที่ไปสักก็เพราะอยากดูเถื่อนๆ ทั้งนั้นแหละ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันมีข้อเสีย"
- "ผู้หญิงมีรอยสักนี่มันให้ฟีลแบบ แฟนนักเลงอ่ะ ดูน่ากลัว"
- "แล้วจะไปสักทำไมแต่แรกอ่ะ?"
- "คนดีๆ ที่ไหนเขาจะสักกัน"
- "จะสักหรือไม่สักก็เรื่องของเขานะ แต่พวกที่รู้ทั้งรู้ว่ามันมีข้อเสียแล้วยังมาโวยวายให้คนอื่นยอมรับเนี่ย น่ารำคาญมาก"
เรื่องราวของ Chukimeroday จึงกลายเป็นอุทาหรณ์สะท้อนให้เห็นว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกาย โดยเฉพาะในฐานะบุคคลสาธารณะ อาจนำมาซึ่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงทั้งในแง่ส่วนตัว อาชีพ และการยอมรับจากสังคม การคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบถึงผลที่จะตามมาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในวัฒนธรรมที่ยังคงมีมุมมองหลากหลายต่อเรื่องรอยสัก
แปลและเรียบเรียงจาก
Crazy for Anime Trivia