ใกล้จะถึงวันหยุดยาวของใครหลาย ๆ คนแล้ว ซึ่งเทศกาลรื่นเริงที่กำลังจะถึงก็คงหนีไม่พ้น "วันคริสต์มาส (Christmas Day)" ที่ไม่ว่าจะใครต่างก็ออกมาเฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน และเราก็คงเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับวันคริสต์มาสกันมาไม่มากก็น้อย และในคราวนี้เราเลยหยิบยก 10 เรื่องจริง “วันคริสต์มาส“ (Christmas Day) ที่ใครหลายคนยังไม่รู้ มาฝากเพื่อน ๆ ให้นอนอ่านกันเพลิน ๆ
10 เรื่องจริงวันคริสต์มาส (Christmas Day)
- เทศกาลฉลองวันเกิดที่ไม่มีใครรู้วันจริง
- ไม่ใช่แค่ 25 ธันวาคมที่เป็นวันคริสต์มาส
- Christmas มาจาก Cristes maesse
- Santa Claus = Saint Nicholas
- Jingle Bells ไม่ใช่เพลงวันคริสต์มาส
- การฉลองคริสต์มาสเคยเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
- การแขวนถุงเท้าเริ่มจากเรื่องบังเอิญ
- ซานต้ามีรหัสไปรษณีย์แคนาดา
- ลูกกวาดไม้เท้า Candy canes เริ่มจากเยอรมัน
- ทำไมเราถึงต้องจูบใต้มิสเซิลโท?

เทศกาลฉลองวันเกิดที่ไม่มีใครรู้วันจริง
คริสต์มาสเป็นเทศกาลของชาวคริสเตียนที่เฉลิมฉลองเนื่องในวันประสูติของพระเยซู ที่เหล่าคริสเตียนเชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
โดยส่วนใหญ่ทางโบสถ์โรมันคาทอลิคเลือกให้เป็นวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี แต่ความจริงแล้ว ไม่มีใครรู้ถึงวันเกิดที่แท้จริงของพระเยซูเลยสักคนเดียว!
ไม่ใช่แค่ 25 ธันวาคมที่เป็นวันคริสต์มาส
รู้หรือไม่ว่าชาวคริสเตียนไม่ได้ฉลองคริสต์มาสในวันเดียวกันทุกคน? ในประเทศที่นับถือนิกายคริสเตียนออร์โธดอกซ์ที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น รัสเซีย, ยูเครน และโรมันเนีย จะให้วันที่ 7 มกราคมตรงกับวันคริสต์มาส ซึ่งทางโบสถ์กรีกคริสเตียนออร์โธดอกซ์บางแห่งก็ฉลองคริสต์มาสกันในวันที่ 7 มกราคมเช่นกัน
Christmas มาจาก Cristes maesse
"คริสต์มาส Christmas" เป็นชื่อที่มาจากวลีในภาษาอังกฤษเก่า "Cristes maesse" ซึ่งหมายถึง "Christ’s mass" แล้วคำว่า "Xmas" ล่ะ? หลาย ๆ คนคิดว่านี่ก็แค่คำย่อในยุคสมัยใหม่ แต่แท้จริงคำนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 แล้ว! โดย "X" ตัวอักษรแรกของคำว่า Christ นั้นมาจากตัวอักษรกรีก "Chi" (Χριστός ออกเสียงว่า Christos)
Santa Claus = Saint Nicholas
เราจะพูดถึงคริสต์มาสโดยไม่พูดถึงชายหนวดเฟิ้ม แก้มแดง ที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม... "บิดาวันคริสต์มาส Father Christmas" ไม่ได้เลย! แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเขาได้ชื่อ "ซานตาคลอส Santa Claus" มายังไง?
มันมาจาก Sinterklaas ซึ่งหมายถึง "นักบุญนิโคลัส Saint Nicholas" ในภาษาดัตช์ โดยนักบุญนิโคลัสคือบิชอปคริสเตียนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 4 และเป็นที่รู้กันว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีโอบอ้อมอารี และในภายหลังก็ได้กลายเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเหล่าเด็ก ๆ
Jingle Bells ไม่ใช่เพลงวันคริสต์มาส
พวกเราทุกคนชอบร้องเพลง "จิงเกิลเบลส์ Jingle Bells" แต่เคยรู้หรือไม่ว่าเนื้อเพลงไม่ได้มีคำว่า "คริสต์มาส Christmas" "เยซู Jesus" หรือ "ซานตาคลอส Santa Claus" สักนิด? นั่นก็เพราะว่าแต่เดิมมันไม่ใช่เพลงคริสต์มาสยังไงล่ะ!
แท้จริงแล้วเพลงอันรื่นเริงนี้ถึงเขียนขึ้นในปี 1850 โดยมีชื่อว่า One Horse Open Sleigh สำหรับใช้ในงาน "Thanksgiving" เทศกาลของอเมริกา!
การฉลองคริสต์มาสเคยเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
ลองนึกภาพว่าถ้าไม่มีคริสต์มาสดูสิ มันจะรู้สึกแปลกหรือเศร้าไหม? เชื่อหรือไม่ว่าในปี 1644 การฉลองคริสต์มาสเคยเป็นเรื่องผิดกฎหมายในอังกฤษ รวมทั้งอาณานิคมอังกฤษในอเมริกาด้วย!
ในช่วงนั้นทางคณะรัฐบาลรู้สึกว่าความหมายทางศาสนาของคริสต์มาสได้ถูกลืมเลือน เลยทำการห้ามจัดเทศกาลวันหยุด ซึ่งยังคงมีบางคนที่แอบฉลองกันแบบเงียบ ๆ อยู่ แต่กว่าคริสต์มาสจะกลับมาถูกกฎหมายอีกครั้ง... ก็ปาไปเกือบ 20 ปีให้หลังเลย!
การแขวนถุงเท้าเริ่มจากเรื่องบังเอิญ
เรื่องนี้มันเริ่มที่นักบุญนิโคลัสที่ได้รู้เรื่องราวของชายชาวบ้านที่มีเงินสินสอดไม่พอที่จะตบแต่งลูกสาวทั้ง 3 คน ทางนักบุญผู้ใจดีเลยทำการโยนเงินให้เขาลงทางปล่องไฟ ซึ่งมันบังเอิญเข้าไปตกในถุงเท้าของสาว ๆ ที่แขวนตากอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี จนภายหลังได้กลายมาเป็นธรรมเนียมไปแล้ว!
ซานต้ามีรหัสไปรษณีย์แคนาดา
ในทุก ๆ ปี จดหมายถึงซานต้าจะโถมมาอย่างมหาศาลที่ไปรษณีย์ในทั่วโลก และบุรุษไปรษณีย์ชาวแคนาดาผู้ใจดีบางคนก็ได้เริ่มเขียนตอบกลับ และพวกเขาก็ได้ตั้งรหัสไปรษณีย์แสนพิเศษสำหรับซานต้า HOH OHO โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขียนจดหมายซานต้า
ลูกกวาดไม้เท้า Candy canes เริ่มจากเยอรมัน
ทาง National Confectioners Association ได้กล่าวว่าแต่เดิมในปี 1670 ทาง "วาทยกร Choirmaster" ได้แจกลูกอมลายขาวแดงแก่เด็กเล็ก ๆ เพื่อให้พวกเขาเงียบในระหว่างการทำพิธีในโบสถ์ที่กินเวลานาน
จนกระทั่งผู้อพยพชาวเยอรมัน - สวีเดน ได้ทำการตกแต่งต้นไม้ของพวกเขาด้วยลูกกวาดไม้เท้าในปี 1847 จนกลายมาเป็นที่นิยมในฐานะลูกอมสำหรับเทศกาลคริสต์มาส
โดยในปัจจุบัน ลูกกวาดไม้เท้าเหล่านี้มีสีและรสชาติที่หลากหลายกว่าแต่ก่อนแล้ว เช่น เชอร์รี, แอปเปิ้ลเขียว และแตงโม
ทำไมเราถึงต้องจูบใต้มิสเซิลโท?
ธรรมเนียมการจูบนี้อาจมีต้นกำเนิดมาจาก "ปกรณัมนอร์ส" โดยทาง The History Channel ได้รายงานว่า "Frigg" เทพธิดาแห่งความรักได้ให้สัตย์สัญญาว่าจะจูบใครก็ตามที่ผ่านมาบริเวณใต้พวงเบอร์รี่ หลังจากที่มันได้ช่วยชีวิตบุตรชายเธอไว้ จนกระทั่งศตวรรษที่ 18 ที่ธรรมเนียมคริสต์มาสนี้ได้ถูกหยิบยกมาจนได้รับความนิยมอย่างมากในอังกฤษ
ขอบคุณข้อมูลจาก : natgeokids.com, thepioneerwoman.com, goodhousekeeping.com
เครดิตภาพปก : Lucky Star / Kyoto Animation
ติดตามข่าวสารวงการบันเทิง ได้ที่ Online Station