ในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น วงการร้านอาหารของญี่ปุ่นนั้นสั่นสะเทือนอย่างหนักหลังจากที่มีคลิปวิดีโอวัยรุ่นเลียข้าวของหรืออาหารบนสายพานแล้วทิ้งไว้ให้ลูกค้าคนอื่นใช้ สร้างความไม่พอใจให้กับหลาย ๆ คน และสั่นคลอนความมั่นใจในความสะอาดของร้านอาหารเช่นซูชิสายพาย จนคนเรียกว่า "การก่อการร้ายด้วยซูชิ" (Sushi Terrorism)

หนึ่งในร้านที่ตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายนั้นก็คือร้านโจชิมารุ (Choshimaru) ซึ่งเป็นร้านซูชิสายพานที่มีสาขาอยู่ในกรุงโตเกียวและจังหวัดรอบ ๆ นั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ได้มีวิดีโอที่คนเล่นพิเรนทร์เอาก้นบุหรี่ใส่ในถ้วยขิงดอง ทำให้ทางร้านต้องเปลี่ยนนโยบายเอาเครื่องเคียงและภาชนะมาเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งแทน

และในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทางร้านโจชิมารุจึงประกาศเลยว่าว่าทางร้านทั้ง 63 สาขาจะเปลี่ยนไปใช้ระบบเสิรฟ์ตามสั่งแบบเต็มรูปแบบในอนาคต และจะไม่มีการเสิรฟ์ซูชิตามสายพานอีก โดยลูกค้านั้นสามารถสั่งได้ด้วยทัชสกรีนที่มี หรือสั่งกับพนักงานก็ได้แล้วจะเอามาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ

โดยทางร้านให้เหตุผลว่าการทำแบบนี้จะทำให้คนร้ายไม่สามารถสัมผัสหรือเลียอาหารที่คนอื่้นอาจจะรับประทานได้ และยังช่วยประหยัดไม่ให้อาหารเสียเปล่าอีกด้วย เพราะแทนที่จะทำออกมาเยอะ ๆ เผื่อคนหยิบ ก็ทำแต่พอดีแบบสด ๆ แทน จะได้ไม่ต้องทิ้งซูชิที่ไม่มีคนทานไปเปล่า ๆ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นมาตรการที่วิน-วินทั้งลูกค้าและร้าน
อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนมาใช้ระบบสั่งนั้นก็มีข้อเสียตรงที่ไม่สามารถดูหน้าตาซูชิได้เหมือนแต่ก่อน ต้องรอลุ้นเอาจนกว่าจะมาเสิร์ฟ และต้องใช้เวลามากกว่าเดิมเพราะต้องทำสด ๆ ตามสั่ง และทำลายเอกลักษณ์การเสิร์ฟอาหารบนสายพานสไตล์ญี่ปุ่นที่มีมานานอีกด้วย

ทั้งนี้ทางร้านโจชิมารุบอกว่าทางร้านจะเปลี่ยนระบบของทุกสาขาให้เป็นเสิร์ฟตามสั่งเท่านั้นภายในวันที่ 26 เมษายนนี้ ซึ่งบางสาขาก็เปลี่ยนไปแล้ว เป็นการค่อย ๆ ปิดฉากยุคของอาหารบนสายพานไปอย่างช้า ๆ โดยเฉพาะเมื่อแฟรนไชส์ซูชิดังระดับชาติ Sushiro นั้นก็ทำแบบเดียวไปเมื่อเดือนก่อน แต่ในเมื่อคนบางกลุ่มไม่เห็นแก่ส่วนรวม ซูชิสายพานที่หลายคนคุ้นเคยนั้นก็เรียกได้ว่าอยู่ยากจริง ๆ
แปลและเรียบเรียงจาก
Sora News 24
ติดตามข่าวเกม อนิเมะ หนังและข่าวบันเทิงอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่