หลังจากที่ดิ้นรนกับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 มานานจนสถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มจะควบคุมได้ ญี่ปุ่นก็ได้ฤกษ์ฟื้นเศรษฐกิจเสียที และพยายามกระตุ้นให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาต่อในประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี Fumio Kishida นั้นเองก็หวังว่าจะไม่ใช่แค่ฟื้นฟูให้เท่ากับก่อนเกิดโรคระบาดเท่านั้น แต่อยากให้มากยิ่งกว่านั้นขึ้นไปอีกตามแผนพัฒนาภาคการศึกษา

โดยวันจันทร์นายก Kishida ได้ประชุมหารือกับคุณ Keiko Nagaoka รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เรียกย่อ ๆ ว่า MEXT) ว่าด้วยสถานะของการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยหัวข้อสำคัญคือเรื่องแผนโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน 300,000 คนที่ทาง MEXT ริเริ่มขึ้นในปี 2008 ซึ่งนายก Kishida ได้บอกให้รัฐมนตรี Nagaoka ไปทบทวนและปรับปรุงโครงการเพิ่มเติม


ส่วนสาเหตุที่ให้ไปทบทวนนั้นไม่ใช่เพราะโครงการล้มเหลว แต่เพราะประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นก่อนกำหนดแบบสุด ๆ เลยต่างหาก เพราะสิ้นปี 2018 ก็มีผู้ศึกษาต่อในญี่ปุ่นถึงประมาณ 337,000 คนเข้าไปแล้ว นายกจึงอยากให้ MEXT ไปคิดหาแผนดึงดูดนักเรียนชาวต่างชาติมาเพิ่มเติมอีก

แต่ที่สำคัญคือนายก Kishida หวังว่านักเรียนเหล่านั้นจะอยู่ในญี่ปุ่นและทำงานในประเทศต่อหลังจากที่จบการศึกษาแล้ว จึงได้ขอให้ทาง MEXT ไปสำรวจหาวิธีปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงปรับระบบการศึกษาให้มีความเป็นนานาชาติมากขึ้น เพื่อจูงใจให้นักเรียนต่างชาติอยู่ทำงานต่อหลังเรียนจบแล้ว และให้ชาวญี่ปุ่นที่ไปเรียนต่อต่างประเทศอยากนำสิ่งที่เรียนรู้มาได้กลับมาพัฒนาประเทศ

เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีของคนที่อยากไปศึกษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่นทีเดียวครับ เพราะดูเหมือนว่าทางรัฐบาลจะให้การสนับสนุนในเรื่องนี้ แต่จะชักชวนคนให้อยู่ต่อได้ไหม อันนี้ก็คงต้องเป็นความรับผิดชอบของสังคมญี่ปุ่นล่ะครับ ว่าจะปรับค่านิยมและเอื้ออำนวยให้ชาวต่างชาติรู้สึกว่าอยากอยู่และทำงานต่อได้หรือไม่
ที่มา: Sora News 24
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net