วันที่ 11 พฤศจิกายน ใน 15 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ PlayStation 3 หรือ เครื่องเล่น PS3 วางจำหน่ายครั้งแรกที่ญี่ปุ่น และในโอกาสฉลองครบรอบ 15 ปี ทาง Twitter ของ livedoor news ได้ทำการถามแฟนเกมทั้งหลายเกี่ยวกับเกมบน PS3 ที่โปรดปรานมากที่สุด มีแฟนๆ เข้ามาตอบเกี่ยวกับเกมที่ตัวเองชอบมากมาย แต่ดันมีแฟนเกมคนหนึ่งที่คิดถึง วลีเด็ด ที่เกิดขึ้นใน วันแรก ที่มีการวางจำหน่าย PS3 ได้ ซึ่งวลีดังกล่าวกลายเป็น คำฮิตติดปากในโลกโซเชียล ตั้งแต่วันนั้น

livedoor news : วันนี้วันที่ 11 พฤศจิกายน ครบรอบ 15 ปีวันวางจำหน่าย Playstaion 3 PS3 วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2006 โดยรุ่นแรกมี 2 โมเดล ความจุอยู่ที่ 20 GB และ 60GB และยังสามารถเล่นเกมจาก PS1,2 ได้ เกมบน PS3 ที่เพื่อนๆ ชอบคือเกมไหนกันนะ?
【祝】本日11月11日で「PlayStation 3」発売15周年
— ライブドアニュース (@livedoornews) November 10, 2021
2006年11月11日発売。通称「PS3」。初期型はHDD容量が20GBと60GBの2モデルで、PS/PS2ソフトもプレイ可能となっていた。みなさんが好きなPS3のタイトルは何ですか? pic.twitter.com/bbQ9xE2OvV
หลังจากนั้นก็มีการโพสต์ตอบของคุณ @e4_nxi ว่า "มันคือวันเกิดของวลีสุดฮิตคำนี้"
この名言が生まれた pic.twitter.com/etNQrTNDkk
— ヤニにまみれたクズの聖域?? (@e4_nxi) November 10, 2021
物を売るってレベルじゃねぇぞ (นี่มันเกินกว่าจะเป็นการขายของแล้ว) เป็นคำโวยวายของ "ลูกค้าญี่ปุ่น" คนหนึ่งที่มาต่อแถวซื้อเครื่อง PlayStation3 ตั้งแต่เช้าตี 4 ของวันที่ 11 พฤศจิกายน ในปีนั้น ที่ร้าน Big Camera สาขา ยูรากูโจ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ลูกค้าเป็นพันคนกำลังแสดงความไม่พอใจ เพราะยืนรอมาตั้งนานแล้วไม่ได้เข้าร้านซะที คนก็เยอะจนล้นออกมา และดูเหมือนจะเกิดเหตุโกลาหลเมื่อมีลูกค้าอีกคนพยายามลอดเชือกที่กั้นอยู่ ในขณะนั้นกล้องที่แพนไปมาของสำนักข่าว Nippon Television ก็ได้ไปจับที่ลูกค้าที่พูดว่า " นี่มันเกินกว่าจะเป็นการขายของแล้ว " พอดี หลังจากนั้น คำว่า "นี่มันเกินกว่า...." ก็โด่งดัง และใช้กันไปทั่วโลกโซเชียลมีเดีย แถมลูกค้าที่โวยวายคนนั้นก็ดังถึงขนาดได้รับการตั้งชื่อใหม่จากชาวเน็ตจาก 2Channel และ NicoNico ว่า Monov Lutherle Beldjanelzof นอกจากนั้น วลีนี้ยังได้รับรางวัล "คำพูดสุดฮิตประจำปี 2006" จากคนในวงการเว็บบล็อกอีกด้วย
— ? ?????????信者? (@kouichibaisuki) November 10, 2021

รายงานข่าวของ Nippon Television เมื่อปี 2006
https://www.nicovideo.jp/watch/sm10874456
รวมข่าวเปิดตัว PS3 จาก Youtube
เหมือนจะเป็นตำนานอีกเรื่องที่คนญี่ปุ่นต้องจดจำไปอีกนานเลยนะเนี่ย....
ที่มา : http://otakomu.jp/archives/27888443.html
