Blogger ญี่ปุ่นเขียนบทความเลิกยัดเยียดค่านิยม การเล่นกับงานอดิเรกคือทุกอย่าง

แชร์เรื่องนี้:
Blogger ญี่ปุ่นเขียนบทความเลิกยัดเยียดค่านิยม การเล่นกับงานอดิเรกคือทุกอย่าง

ในสังคมทุกวันนี้เราเจอคนหลากหลายรูปแบบ หลายความคิด หลายบรรทัดฐาน หลายค่านิยม เราไม่สามารถบอกได้ว่าการใช้ชีวิตแบบใดคือสิ่งที่ถูกต้องที่แท้จริง เพราะต่างสังคมต่างก็มีกฎ มีระเบียบที่ต่างกัน แม้แต่โลกออนไลน์ก็ยังมีความแตกต่างจากโลกแห่งความจริง เรื่องการใช้ชีวิตและมุมมองชีวิตที่ถูกต้องนั้น มันสามารถถูกกำหนดด้วยชุดความคิดของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่งได้หรือเปล่า?

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2020 ที่ผ่านมาทางบล็อกของชาวญี่ปุ่นผู้ที่ใช้ชื่อว่า AnonymousDiary ได้มีการเผยแพร่บทความเกี่ยวกับ “งานอดิเรกของโอตาคุ” ที่มีกลุ่มคนบางกลุ่มมองว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิต ซึ่งเจ้าของบทความก็มองว่ามันเป็นความคิดที่ทำให้สามัญสำนึกของคนในสังคมบิดเบี้ยวไป มีใจความดังต่อไปนี้

* บทความนี้เป็นการแปลมาจากภาษาญี่ปุ่น


“เพราะพวกเราที่สนุกสนานกับงานอดิเรกของโอตาคุ ใช้ชีวิตได้คุ้มค่ามากกว่าพวกคุณ XXX ยังไงล่ะ”

เมื่อวันก่อนมีคนพูดกับผมแบบนี้จนทำเอาผมช็อคไปเลย เป็นคำพูดแย่ ๆ ของคนที่เป็นลูกจ้างชั่วคราว มีรายได้ต่ำ ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีแฟน และไม่มีความต้องการที่จะเข้าสังคมกับคนอื่นในที่ทำงาน และนั่นทำให้เขากลายเป็นคนที่โดดเดี่ยว
เขาคนนั้นยังคงบ่นต่อว่าช่วงนี้เจ้านายเอาแต่ชวนไปดื่ม พ่อแม่ก็บอกอยากให้แต่งงานจนน่ารำคาญ เพียงเพราะเขามีงานอดิเรกแบบโอตาคุ เขาเลยพูดเหมือนกับว่าทุกคนที่ไม่เข้าใจงานอดิเรกของโอตาคุ คือ พวกคนป่าเถื่อน โลกที่แท้จริงสำหรับเขาคนนั้น เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นโลกสมมติหรือสังคมบนโซเชียล เพราะเขามองว่าการทำงานหรือโลกแห่งความจริงเป็นแค่ช่องทางการหาเงินเพื่อดื่มด่ำกับโลกแห่งงานอดิเรกเท่านั้น เขาบอกว่าเขา “จะยังคงอยู่อย่างแปลกแยกต่อไป”

โอตาคุ อนิเมะ

เมื่อมองเขาคนนั้น ผมก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ผมเองก็ชอบอนิเมะหรือเกม มังงะก็อ่านบ่อย ไหนจะอ่านนิยายกับดูหนังอีก แต่ว่ามันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต สิ่งที่สำคัญคือการเข้าสังคมกับคนอื่น การทำงาน และให้เวลากับครอบครัว ความบันเทิงเป็นแค่สีสันส่วนนึ่งในชีวิต คนที่เห็นมันเป็นทุกอย่างของชีวิต มันเป็นอะไรที่เศร้ามากและผมก็สัมผัสได้ว่ามันเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน

มันอาจจะไม่ใช่เรื่องของผมและผมก็ไม่ได้อยากจะสั่งสอนเขาคนนั้นแม้แต่นิดเดียว ผมคิดว่าคนแบบนั้นจะเป็นจะยังไงก็ช่าง ในทางกลับกัน ผมก็ไม่ได้ชอบคนแบบนั้นจนอยากจะให้เข้ามาในชีวิต ที่มันน่าขยะแขยงก็คือค่านิยมที่เขาอยากได้รับการยกย่องจากโซเชียลบนอินเตอร์เน็ต ค่านิยมที่ว่าก็คือ “งานอดิเรกของโอตาคุสำคัญกว่าความรับผิดชอบทางสังคมแห่งความเป็นจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า”

ในฐานะสมาชิกของสังคม พวกเราต้องมีการแชร์ค่านิยมที่เป็น “ความสุข” โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่ไม่ได้เคร่งศาสนา ความสุขและความทุกข์คืออะไร ถ้าเราไม่แชร์ในสิ่งที่เป็นรูปแบบของ “สามัญสำนึก” เราก็จะไม่สามารถเข้าสังคมได้
สิ่งที่เป็นรูปแบบความสุขในกระแสหลักคือการมีอิสรภาพทางการเงิน การเลี้ยงดูเด็กในรุ่นต่อไป และการมีส่วนร่วมในสังคม ความคิดของผมอาจจะล้าหลัง แต่อย่างน้อยถ้าให้เลือกครอบครัวกับงานอดิเรก ผมเลือกครอบครัว ถ้าให้เลือกการงานกับงานอดิเรกผมให้ความสำคัญกับการงาน ผมอยากให้สิ่งนั้นคือ “สามัญสำนึก” แต่ว่าสามัญสำนึกนั้นกลับถูกอินเตอร์เน็ตและโซเชียลทำให้มันบิดเบี้ยวไป สามัญสำนึกคือสิ่งที่จำเป็นต้องมีและควรยอมรับในการเปลี่ยนแปลง ปัญหาตอนนี้คือการที่โซเชียลกับอินเตอร์เน็ตบิดเบือนการเปลี่ยนของสามัญสำนึกเหล่านั้น

ต่อไปนี้คือเรื่องสำคัญ สิ่งที่เป็นปัญหาคือ “คนที่พอใจในงานอดิเรกและการงาน” กับ “คนที่ทำให้งานอดิเรกเป็นการงาน” สร้างเรื่องหลอกลวงให้กับ “มนุษย์ที่มีแต่งานอดิเรก” ไม่จำเป็นต้องมีทฤษฎีสมคบคิดอะไร มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเนื่องจากรูปแบบโครงสร้างสังคมของโซเชียล

โอตาคุ อนิเมะ

“งานอดิเรกควรเป็นแค่งานอดิเรก” มันไม่ควรเป็นทุกอย่างในชีวิต แต่ทว่า คนที่เข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ คือคนที่สามารถคุยเรื่องงานอดิเรกกับ “มนุษย์ที่มีแต่งานอดิเรก” ได้อย่างสนุกสนาน มันเลยทำให้เกิดค่านิยมที่ว่า “ถ้ามีงานอดิเรกแล้ว อย่างอื่นช่างมัน” ขึ้นมา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างมาก กับการที่บอกว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่างานอดิเรก ทุกคนรู้ แต่ทุกคนรู้บรรยากาศและไม่พูดมันออกมา ซึ่งผมทำแบบนั้นไม่ได้

คุณค่าของสุขภาพ ครอบครัว เงิน ความปลอดภัยทางสังคม และในฐานะสมาชิกทางสังคมควรมาก่อน และสิ่งที่สำคัญรองลงมาคืองานอดิเรก ยิ่งไม่มีใครออกมาพูดเรื่องนี้ ก็มีแต่จะทำให้อินเตอร์เน็ตบิดเบือนสามัญสำนึกมากขึ้น และต้นเหตุไม่ใช่คนอ่อนแอที่ชีวิตมีแต่งานอดิเรก มันเป็นความรับผิดชอบของพวกคนทำงานอดิเรกแล้วไม่ได้พูดว่า “ช่างของพวกนั้นเถอะ นี่คือชีวิตจริงนะ?” เป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้น หลายคนเลยคิดว่า “น่าจะทำอะไรสักอย่างได้” ขึ้นมา ผมเลยอยากให้พวกโอตาคุเลิกยัดเยียดค่านิยมที่ว่า “การเล่นสนุกกับงานอดิเรกคือทุกอย่าง” เสียที

สิ่งที่มันขาดหายไปคือความรู้สึกถึงวิกฤต เพราะถ้าสามัญสำนึกที่คอยประคองสังคมให้อยู่รอดต่อไปเกิดความบิดเบี้ยว ระบบการผลิตงานอดิเรกของโอตาคุก็จะพังทลายลงอย่างแน่นอน

จากบทความนี้ก็ทำให้ฝั่งที่เป็นโอตาคุหรือผู้ทีมีงานอดิเรกมองว่าเป็นการดูถูกและอีกอย่างคนที่ทำงานอดิเรกให้เป็นงานได้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนที่มีความคิดประเภทเดียวกัน รวมถึงยังไม่เคยดูถูกความคิดคนอื่นว่าเป็นสิ่งไม่ดีด้วย กลับกันคนที่ใช้ชีวิตด้วยการมองโลกแห่งความเป็นจริงก็มีความคิดสนับสนุนเจ้าของบทความนี้ว่าอยากให้ผู้คนบนอินเตอร์เน็ตช่วยกันผลิตสามัญสำนึกที่ถูกต้อง แทนที่จะให้อยู่กับจินตนาการหรืออาชีพที่น้อยคนมักจะเป็นได้

“เรื่องนี้คงไม่มีสิ่งที่ผิดและสิ่งที่ถูก อยู่ที่มุมมองและจิตสำนึกของแต่ละคนมากกว่า ว่าจะเลือกใช้ชีวิตยังไง แต่การเอาความคิดของตัวเองไปดูถูกคนอื่นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด”

ที่มา: https://anond.hatelabo.jp
TrunksTH

True Superfiber

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ