FEVER - UNDERGROUND การเติบโตต่อไปบนเส้นทางที่ไม่เหมือนใคร
FEVER... ถึงเวลานี้น่าจะเป็นชื่อของวงไอดอลที่ใครหลายๆ คนน่าจะรู้จักกันบ้างแล้วไม่มากก็น้อย จากการออกงานที่มากขึ้น แฟนคลับที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งทาง Online Station ของเราเองก็ขอใช้อำนาจสื่อในทางที่(ผม)ชอบ พามาออกไลฟ์ออกงานหรือทำคอนเทนต์ออนไลน์อยู่บ่อยๆ เช่นการสัมภาษณ์เมมเบอร์ 6 คนแบบจัดหนักกันไปเมื่อกลางปี แต่กับคราวนี้จะไม่หนักขนาดนั้นเพราะเป็นการเชิญทางวงและน้องๆ มาโปรโมตชิงเกิลที่ 2 อย่าง UNDERGROUND งานหลักของน้องๆ จึงเป็นการมาออกไลฟ์ซุยขิงๆ ที่ผู้ชมสามารถตามไปดูย้อนหลังกันได้ เพียงแต่ไหนๆ ก็มาแล้ว แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ก็อยากทำออนไลน์คอนเทนต์ขึ้นเว็บไว้สักหน่อย จึงได้ขอสัมภาษณ์พูดคุยเล็กน้อยถึงความรู้สึกที่น้องๆ ได้เดินกันมาบนเส้นทางไอดอลจนมาถึงซิงเกิลที่ 2 แล้ว
เมมเบอร์ที่มาในวันนี้คือ สแปม, ปาย, ซู, บีมบีม, ใบเฟิร์น, และใบหม่อน 3 จาก 6 คนนี่ต้องบอกว่าเจอกันบ่อยมากๆ ทั้งยังเคยผ่านการสัมภาษณ์เดี่ยวโดยผมเองมาแล้ว มันจึงเป็นโอกาสที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความพิเศษที่มากขึ้น ถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาจนป่านนี้ ว่าพวกเธอเติบโตขึ้นไปขนาดไหน
เราเริ่มจากการที่ให้ทั้ง 6 คนแนะนำตัวตามธรรมเนียม สิ่งที่คาดหวังคือการแนะนำตัวแคล่วคล่องว่องไว แต่มันดันกลายเป็นว่ามีการเล่นมุขแซวกันไปมาจนเซสชั่นนี้ยืดยาวกว่าที่คาดเสียอย่างนั้น แต่ผมว่านี่แหละดี เพราะมันทำให้เราเห็นภาพความเป็นไปของ FEVER ในยุคนี้มากขึ้นว่าเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่มาครั้งแรกเมื่อปลายปีก่อนขนาดไหน ซึ่งเราตอบได้ทันทีโดยน้องไม่ต้องบอกอะไรว่าพวกนางพูดคุยเก่งขึ้นจม
หลังแนะนำตัวเรียบร้อยเราก็เข้าสู่หัวเรื่องหลักทันที 'จากซิงเกิล 1 มา ซิงเกิล 2 เวลาผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ละคนรู้สึกว่าเติบโตหรือมีความเปลี่ยนแปลงอะไรยังไงบ้่าง?'
เริ่มจากซูเป็นคนแรกโทษฐานที่นั่งริมสุด ซูเป็นหนึ่งในคนที่ให้สัมภาษณ์กับทางเราเมื่อช่วงกลางปี และใช่เธอเป็นคนหนึ่งที่มีคาแรคเตอร์นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวมากที่สุดในวง เมื่อก่อนดูเผินๆ เธออาจเป็นไอดอลที่ดูเข้าถึงได้ยากไปสักหน่อย แต่จากที่เห็นในปัจจุบันผมว่าเธอเปลี่ยนไประดับหนึ่งเลย โดยก่อนหน้าที่จะมีการสัมภาษณ์นั้น ทางผมได้พาน้องๆ ทั้ง 6 คนขึ้นไปโฟโต้ชู้ตบนชั้นดาดฟ้าของตึก มีบางคนที่ออกอาการกลัวความสูง บางคนก็เฉยๆ แต่กับซู... ดูจะเป็นอะไรที่ถูกจริตนางไม่หยอก เธอเดินวนรอบๆ จนผมซึ่งเป็นคนชวนขึ้นไปยังอดหวาดเสียวแทนไม่ได้ ครั้นเมื่อถึงคิวถ่ายภาพอาจจะเพราะชอบในบรรยากาศและสถานที่รอบด้าน ผนวกกับความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ซูสามารถดึงความเท่ห์และสเน่ห์แบบตัวเองออกมาได้อย่างเด่นชัดจนผมเองยังอดทึ่งไม่ได้ นอกจากนี้ในตอนให้สัมภาษณ์ซูยังมีความผ่อนคลายมากขึ้น แม้อาจจะยังพูดไม่เก่งนัก แต่มันธรรมชาติขึ้นมากๆ หากจะมีเรื่องอะไรที่น้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นโดยที่ไม่ได้พูดออกมาล่ะก็ ผมว่าการกล้าจะเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นนี่แหละคือคีย์หลักสำหรับการเติบโตของเมมเบอร์ FEVER หลายๆ คน
หลังซูพูดจบไมค์ไวร์เลสถูกส่งต่อมาถึงมือของบีมบีม หนึ่งในเมมเบอร์ผู้เป็นที่รู้จักมากที่สุด จากการที่เคยเป็นแคนดิเดตวงไอดอลชื่อดังวงหนึ่ง หรือจากการเป็นเมมเบอร์ผู้มีงานหลักเป็นแอร์โฮสเตจ นอกจากตอนมาซ้อมเกมและขึ้นโชว์ในงาน TGS2019 วงโคจรของบีมบีมและ Online Station เราดูจะไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ ผมจึงค่อนข้างสนใจสังเกตสังกาเจ้าหล่อนเป็นพิเศษ เพราะจากภาพลักษณ์ที่ได้เห็นเธอก็ดูมีความเป็นพี่ใหญ่ของวงอยู่ไม่น้อย ซึ่งตัวจริงก็คล้ายๆ อย่างนั้น เพียงแต่คล้ายว่าเธอจะปรับลดเพดานอายุ... เอ่อ วัยวุฒิ ลงมาให้อยู่ร่วมกับเมมเบอร์ส่วนใหญ่วัย 20 ต้นๆ ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวง ทว่าในความเด็กลงก็ยังคงความอาวุโสไว้อยู่ การพูดการจาดูเป็นหลักเป็นการมีความจริงจัง หรือการพูดทำนองว่าเวลา Perf แล้วตัวเองยืนหลังสุดก็ไม่เป็นไร เพราะภาพรวมมันออกมาดีมากๆ ก็สะท้อนความเป็นพี่สาวใจดีผู้เสียสละออกมาได้อย่างเด่นชัด ดังนั้นภาพลักษณ์ของบีมบีมหลังการได้สัมภาษณ์คราวนี้ก็คือ Good Sister พี่สาวของวงผู้เปี่ยมความสนุกสนานและเป็นที่พึ่งของน้องๆ นั่นเอง
จุดมุ่งหมายถัดมาของไมค์ไวร์เลสเจ้ากรรมคือมือของ "น้อนปาย" อีกหนึ่งสาวลุกเท่แต่ความจริงแล้วโก๊ะกว่าใครเพื่อน คือถ้าจะนับว่าใครในวงนี้ได้มาร่วมงานกับ Online Station บ่อยที่สุด น้อนปายน่าจะเป็นคำตอบแน่นอนครับ เรียกว่าเจอหน้ากันที่ออฟฟิศค่อนข้างบ่อยทีเดียวในปีที่ผ่านมา แม้ในช่วงสัมภาษณ์จะยังคงคอนเซปต์งงๆ ก่งก๊ง โหลดนานเหมือนเดิม แต่เรารู้สึกว่าน้องมีความสุขุมมากขึ้น แบบว่าในการเทคไทม์พยายามเรียบเรียงคำพูดก็ดูไม่ร้อนรนเท่าเมื่อก่อนแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังคงถูกเพื่อนๆ แซวจนเขวในหัวข้อพูดคุยได้เหมือนเดิม... แต่ก็นั่นแหละ คือความน่ารักเฉพาะตัวของเธอล่ะ
หลังพูดแซวกดดันคนอื่นไปทั่วก็ถึงคราวที่เธอต้องจับไมค์ไวร์เลสบ้างแล้ว สแปมนั่นเอง เรารับรู้กันดีว่าเธอคนนี้คือมือวางอันดับ 1 ด้านความเป็นตัวโจ๊กของวง แต่ขณะเดียวกันในความ "ตลกแต่ไม่ตลอด" สแปมเปรียบเสมือนเสาหลักของวงที่เชื่อมทุกภาคส่วนและเมมเบอร์เข้าไว้ด้วยกัน ผมยังจำสแปมในวันที่ขึ้นสเตจเดบิวต์ได้ แม้ทั้งวงจะสอบผ่านด้านการร้องเต้น Performance น่าประทับใจสุดๆ แต่พอช่วงที่ต้อง MC กลับไม่มีใครที่รับหน้าที่นี้ได้ดีพอ เพียงสแปมคนเดียวที่แบกช่วง MC ของวงไว้และทำไก้ดีจนน่าตกใจ นับแต่นั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นภาพจำไปแล้วว่าจะงานไหนๆ ในช่วงพูดคุยกันของวงสแปมจะต้องเป็นคนลีด เพราะนอกจากไหวพริบด้านการสนทนา เธอยังสามารถจับประเด็นและตบหัวข้อให้เข้าที้่ได้อยู่เสมอ นอกจากนี้ภาพที่เธอเป็นงานเป็นการขัดกับตัวตนซึ่งถูกนำเสนอบนโลก SNS ก็ช่วยให้ตัวตนของสแปมดูมีมิติขึ้น ทั้งยังประจักษ์ชัดถึงภาวะผู้นำซึ่งมีอยู่อย่างมากล้นในผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ในแง่หนึ่งจะบอกว่าเธอคือคนที่พร้อมจะชนกับสื่อฯ หรือโลกภายนอกมากที่สุดชองวงในช่วงเริ่มต้นก็ว่าได้ ดังนั้นแล้วในส่วนของความมั่นใจที่หลายๆ คนก่อนหน้าบอกว่าพัฒนาขึ้นนั้นคงไม่อาจใช้ได้ เพราะเธอมีมันมานานแล้ว ดังนั้นในความเห็นของผม นอกจากเรื่องร้องเต้นที่ได้พูดไป ผมรู้สึกว่าช่วงหลังสแปมไว้ใจให้เพื่อนได้ MC มากขึ้น คือสามารถวางใจได้เพราะเพื่อนๆ เก่งขึ้นและมั่นใจขึ้นมาก มีครั้งหนึ่งที่เธอป่วยพูดไม่ได้ แต่ต้องมาอัดคลิปซ้อมเกมกับ Online Station แล้วมีพูดโปรโมตกิจกรรมช่วงท้าย ก็เป็นเพื่อนๆ เมมเบอร์ที่เหลือที่ช่วยกัน แม้อาจจะหลายเทคหน่อยๆ แต่ก็ฟันฝ่ากันไปได้ เธอน่าจะเห็นอะไรบางอย่างจากเหตุการณ์นี้ แล้วจึงผ่อนคลายตัวเองลง ผมคิดว่านี่คือจุดที่เธอเติบโตขึ้นจากเดิม
คนถัดมาคือใบหม่อน โดยส่วนตัวผมคิดว่าในแง่พัฒนาการเธอคือคนที่น่าสนใจมากๆ ทีเดียว ช่วงหลังๆ ตามหลายๆ งาน ผมมักจะพูดคุยหรือได้ยินแฟนคลับสนทนากันเองแซวน้องในเชิงเอ็นดูประมาณ "อยู่กับพี่แปมมากก็เลยเป็นงี้" หรือ"ไม่น่าโตมาอย่างถูกวิธีเท่าไหร่" เพราะน้องมีพัฒนาการที่เด่นชัดมากๆ ในแง่ความมั่นใจและการพูด อย่างที่น้องให้สัมภาษณ์แซะตัวเองในคลิปว่าอาจพูดมากเกินไปก็ได้ คือเราก็เห็นเธอมาตั้งแต่ยังเงียบๆ ไม่ค่อยหือค่อยอือ จนเริ่มพัฒนาตัวเองมาในด้านตัวยิงมุขเคียงคู่สแปม อยากให้สังเกตแคปชั่นในแต่ละโพสต์ของน้องในช่วงหลังๆ ที่ต้องบอกเลยว่าร้ายกาจไม่เบา แถมความแพรวพราวและฝืนพยายามก็ไม่จำกัดแค่ในโลก SNS แต่เธอสามารถดึงออกมาวายป่วงในชีวิตจริงได้อีก เรียกได้ว่าใบหม่อนไปงานไหนก็ต้องมีการยิงมุขรัวๆ จากเธอ กลายเป็นคนที่สดใสร่าเริงได้ในทุกแห่งหนจนเราอดเซอร์ไพรส์ในความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้
คนสุดท้ายที่ได้พูดคือใบเฟิร์น สาวน้อยร่างบางผู้มีตัวตนประหนึ่งเป็นสัญญะว่าวง FEVER ยังคงมีคนปกติอยู่ แน่นอนว่าใบเฟิร์นเป็นคนที่เริ่มต้นกับวงด้วยบุคลิกเงียบงันเฉกเช่นเดียวกับสมาชิกอีกกว่าครึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ปรับปรุงตัวให้มีความมั่นใจมากขึ้น ในโพสต์ทาง SNS เธอเป็นคนหนึ่งที่มักจะอัดคลิปการร้องคัฟเวอร์เพลงต่างๆ มาให้แฟนคลับได้ฟังกันอยู่เนืองๆ ในจุดนี้นอกจากจะโชว์ศักยภาพตัวเองแล้ว ยังเป็นการพรีเซนต์ความเป็นตัวตนให้แฟนๆ รับรู้โดยทั่วกันว่าเธอนั้นชอบอะไร เด่นด้านใด มีคาแรคเตอร์แบบไหน ความมั่นใจดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่อการถามตอบในการสัมภาษณ์ แม้จะไม่นานนัก แต่ใบเฟิร์นสามารถตอบคำถามได้อย่างฉะฉาน อาจไม่มีลูกเล่นนัก ทว่าก็ตรงๆ ชัดเจน ดูเป็นคาแรคเตอร์จริงจังซึ่งแตกต่างจากคนที่เหลือชัดเจน แต่ก็นี่แหละสเน่ห์ของ FEVER ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร และการเอาความเป็นตัวเองออกมาให้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คือพัฒนาการที่น่าจับตาของน้องเขาแหล่ะ
"พวกเรา FEVER ขอบคุณค่า" เสียงขอบคุณประสานพร้อมเพรียงแสนคุ้นเคยดังขึ้นหลังจากการฝากฝังผลงานในอนาคตเสร็จสิ้นลง พร้อมๆ กับถ้อยแถลงบีบรัดจากทีมไลฟ์ซึ่งจำเป็นต้องใช้ไฟที่ทางเราใช้อยู่อย่างเร่งด่วน โดยนํ้าเสียงเด่นหลักที่ได้ยินนำหน้ายังคงเป็นของ สแปม เมมเบอร์ร่างเล็กพลังล้นผู้เป็นประหนึ่งศูนย์กลางการกระจายเสียงของวงมาตั้งแต่เปิดตัว แม้จะวันนี้มันก็ยังดูเป็นอย่างเคย แต่ดูเธอจะผ่อนคลายขึ้น เพราะเพื่อนๆ น้องๆ หลายคนก็เติบโตขึ้นมาจนแบ่งเบาเธอได้ในหลายๆ เรื่อง
ผมจ้องมองการเก็บกล้อง เก็บของ เก็บกองเล็กๆ นี้เพื่อโยกย้ายขึ้นไปไลฟ์ยังสตูดิโอชั้นบน นึกย้อนไปถึงวันแรกที่พวกเธอมาหา Online Station เมื่อเกือบๆ 1 ปีก่อนหน้า พลางคิดขึ้นว่า แม้จะในเส้นทางที่ต่างออกไป...
พวกเธอก็มาไกลกันจริงๆ