เป็นอะไรที่น่าตกใจเมื่อ ตู้คีบตุ๊กตาหรือเครนเกมในประเทศไทย กลายเป็นสิ่งมอมเมาเยาวชนทั้ง ๆ ที่ใน ประเทศญี่ปุ่น นั้นเป็นอะไรที่สนุกและโด่งดังมาก ปัจจุบันตู้คีบตุ๊กตาในเกมเซนเตอร์ประเทศไทยโดนหิ้วออกไปเกือบจะหมดประเทศแล้ว
โศกนาฏกรรมของชาวเกมเซนเตอร์ประเทศไทยในครั้งนี้ เกิดจากการที่ ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองเยาวชน คนหนึ่ง โดยมีคำให้การว่า “เงินทั้งหมดที่ให้ลูกไป ลูกดันเอาไปเล่นตู้คีบตุ๊กตาหมด” ทำให้ตำรวจได้ทลายตู้เกมส่วนหนึ่งในพื้นที่ไป นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาครอบครัวเพราะในประเทศไทยมีการกำหนดว่า ตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนัน ตั้งแต่ปี 2004 แล้ว
นักข่าวญี่ปุ่นจึงได้มีการถามชาวเกมเซนเตอร์ประเทศไทยว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งก็ได้คำตอบดังนี้
“มันก็ 50/50 น่ะค่ะ เด็กคงไม่เอาตังค์ไปกินข้าว เอาไปเล่นจนหมดตัว เลยกลายเป็นสิ่งมอมเมาเยาวชน”
จากนั้นทางนักข่าวญี่ปุ่นที่เคลือบแคลงใจว่าถ้าเด็กเอาไปเล่นจนหมดตัวได้ ก็เลยไปถามพนักงานที่ดูแลเกมเซนเตอร์ และก็พบว่าแท้จริงแล้ว ค่าเล่นตู้คีบตุ๊กตาในไทยต่อครั้ง ราคาเพียง 10 บาทหรือ 35 เยนเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะถูกกว่าญี่ปุ่นหลายเท่า แต่รายได้ส่วนใหญ่ของเกมเซนเตอร์นั้นแทบจะมาจากตู้คีบตุ๊กตาเพียงอย่างเดียวเลยก็ว่าได้ แสดงให้เห็นถึงความนิยมที่ถล่มทลายในประเทศไทยนี้
“จากผลกระทบของการกวาดล้างตู้คีบตุ๊กตา ก็จะเหมือนว่าหายไปอีกครึ่งนึงเลยของรายได้ทั้งหมด”
แต่ในเรื่องนี้ก็มีความย้อนแย้งอยู่เพราะตู้เกมล่าของรางวัลแบบแท่งดึงสินค้ากับประเภทอื่น ๆ นั้นยังสามารถเล่นได้อยู่!?
ก็ดูจะเป็นอะไรที่น่าตกใจกับประเทศไทยเรา เพราะปัจจุบันสถานที่ที่เป็น เกมเซนเตอร์ นั้นแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว จากการที่เกมส่วนใหญ่มีอัตราการเล่นที่แพงต่อเกม และถ้าหากจะเล่นเกมนั้นไม่ต้องคอนโซลหรือคอมพิวเตอร์ มีแค่มือถือก็สามารถเล่นได้ ทำให้สิ่งที่ประคับประคองเสน่ห์ของ เกมเซนเตอร์ ไว้ได้ เลยมีแค่ตู้คีบตุ๊กตา แต่การที่เกิดเรื่องน่าใจหายแบบนี้ขึ้น ก็ดูเหมือนว่าเกมเซนเตอร์ในประเทศไทยอาจจะถึงจุดจบเร็วกว่าที่คิด
แต่ก็ใช่ว่าจะหมดหวังซะทีเดียวกับวงการเกมเซนเตอร์ไทย หากมีนักการเมืองรุ่นใหม่เล็งเห็นว่าตุ๊กตาไม่ใชสิ่งมอมเมาและการพนัน เป็นเพียงเครื่องฝึกษะที่ต้องใช้ฝีมือในการแลกกับของรางวัล ก็อาจจะชุบชีวิตตู้คีบตุ๊กตารวมถึงชุบชีวิตเกมเซนเตอร์ขึ้นมาอีกก็เป็นได้