เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นในญี่ปุ่นครับ โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งที่มีนามแฝงว่า kenkirihara ได้ลงรูปโฆษณาที่ติดอยู่บนขบวนรถไฟสายหนึ่ง ที่มีใจความประมาณว่า "ถ้าให้เลือกระหว่างทำงานที่มีเงินเดือน 5 แสนเยน แต่รู้สึกทำแบบซังกะตายไปวันๆ กับทำงานอีกแห่งที่มีเงินเดือน 3 แสนเยน แต่รู้สึกอยากไปทำงานที่นั่นทุกๆ วัน เป็นคุณจะเลือกอย่างไหน?" ซึ่งทาง kenkirihara เองก็รู้สึกไม่ค่อยชอบข้อความในโฆษณาเท่าไหร่นัก โดยเขามองว่าทุกวันนี้ท่ามกล่างเศรษฐกิจยุคฟองสบู่แตก คนญี่ปุ่นเองนอกจากจะได้เงินเดือนน้อยนิด (เมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงลิ่วแล้ว) ก็ยังไม่มีความสุขกับการทำงานด้วยนี่สิ
ในความเป็นจริงแล้ว ณ ปัจจุบัน สถานการณ์ในญี่ปุ่นค่อนข้างน่าเป็นห่วงไม่น้อยครับ เพราะวัยรุ่นที่เป็นเด็กจบใหม่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี และเงินเดือนเริ่มต้นเฉลี่ยของบรรดาเด็กจบใหม่ก็จะอยู่ที่ราวๆ 2 แสนเยน (ประมาณ 58,000 บาท) และถ้าอยากจะมีรายได้คงที่แถวๆ 3 แสนเยน (ประมาณ 87,000 บาท) ก็ต้องแลกมากับความรับผิดชอบในหน้าที่ที่มากมายก่ายกอง ซึ่งถ้าคนๆ นั้นไม่คิดขวนขวายหรือพยายามไต่เต้าเพื่อให้ได้เงินเดือนระดับนั้น ก็จะมีอิสระหรือเวลาไปทำอย่างอื่น หรือเวลาให้กับชีวิตตัวเองมากขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้งานประเภทพาร์ตไทม์ สเกลความรับผิดชอบไม่ใหญ่โต จึงเข้ามาเป็นตัวเลือกแก่คนยุคใหม่ของญี่ปุ่น ทว่ารายได้ต่อเดือนก็จะเหวี่ยงผกผันไม่แน่นอนเช่นกัน (บางรายอาจได้ต่ำกว่า 2 แสนเยนต่อเดือนด้วยซ้ำไป)
สำหรับประเด็นนี้ ชาวเน็ตที่ได้เห็นข้อความของ kenkirihara หลายคนก็รู้สึกไม่ค่อยต่างกัน ส่วนใหญ่จะมองว่าบางทีความสุขในการทำงานก็ไม่ค่อยจำเป็นนัก บ้างก็ว่าสังคมญี่ปุ่นมันก็เครียดและกดดันอยู่แล้ว สู้หางานที่มันได้เงินสูงๆ คุ้มกับความกดดันที่ต้องแบกอยู่ทุกวันเลยดีกว่า โดยค่านิยมเหล่านี้เริ่มแพร่หลายที่ญี่ปุ่นกันมากในระยะหลังเลยทีเดียว
แล้วเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ในไทยละครับ คิดแบบไหนกันบ้าง?
เครดิต: Soranews24