ที่ประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในดินแดนแห่งความศิวิไลซ์ทั้งด้านเทคโนโลยีและคุณภาพชีวิต ก็มีอีกซอกมุมนึงที่คอยตอบโจทย์บรรดาหนุ่มสาววัยทำงานที่เหน็ดเหนื่อยจากเรื่องงานในแต่ละวัน หรือผู้ที่อยากเติมสีสันให้กับชีวิตไม่ให้เงียบเหงาเกินไป ก็คืองานในโฮสต์บาร์ หรือโฮสเตสบาร์นั่นเอง โดยในข่าวนี้จะขอพูดถึงโฮสต์บาร์ ซึ่งมีโฮสต์ที่เป็นเหล่าหนุ่มหล่อๆ คอยให้บริการนั่งกินดื่มและเป็นเพื่อนคุยกับลูกค้าสาวๆ ที่เป็นอีก 1 อาชีพที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่นครับ
ทั้งนี้ 1 สาเหตุหลักๆ ที่หนุ่มโฮสต์ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น คงหนีไม่พ้นเรื่องของความเครียดในสังคมวัยทำงานของคนญี่ปุ่นที่สูงลิ่ว กว่าจะเลิกงานในแต่ละวันก็ดึกดื่น ครั้นจะกลับบ้านไปเจอหน้าคนในครอบครัว ก็รู้สึกไม่สะดวกใจที่จะนำความอึดอัดคับข้องใจในออฟฟิศไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง หรือบางคนที่แต่งงานมีสามีแล้วก็รู้สึกว่าสามีมีบางด้านที่ไม่สามารถตอบโจทย์หรือเติมเต็มความต้องการของเธอได้ จึงไปใช้บริการที่โฮสต์บาร์เพื่อหาหนุ่มๆ หน้าตาดีๆ มาเป็นเพื่อนคุยให้คลายเหงาหรือคอยรับฟังเธอบ้าง เป็นต้น
จากความนิยมต่อหนุ่มโฮสต์ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธุรกิจโฮสต์บาร์มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นมาก ส่งผลให้มีการแข่งขันภายในธุรกิจนี้สูงตามไปด้วยเช่นกัน และข่าวนี้ก็เป็นเรื่องราวของ อาคายะ คุนุกิ หนุ่มโฮสต์คนดังที่ปัจจุบันได้รับความนิยมจากลูกค้าในย่านคาบุกิโจ เขตชินจุกุ จนกลายเป็นโฮสต์อันดับ 1 ของละแวกนั้นครับ ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางสื่อออนไลน์ของเอเชียอย่าง AsianBoss เกี่ยวกับความเป็นมาของเจ้าตัวไว้ได้น่าสนใจทีเดียว
หนุ่มอาคายะเล่าว่า ในอดีตกว่าเขาจะได้ก้าวมาอยู่ในจุดนี้ เขาเคยพลาดโอกาสในการเรียนต่อในระดับชั้นมัธยมปลายมาก่อน จึงหันไปทำงานหาเงินนับแต่นั้น เริ่มด้วยการออกจากบ้านไปของานทำที่ไซต์ก่อสร้าง และซุกหัวนอนในเพิงที่ทำจากกระดาษลังในสวนสาธารณะไปวันๆ แต่ด้วยความที่เขามีความฝันว่าอยากจะมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ ได้สวมนาฬิกาข้อมือแพงๆ มีรถซูเปอร์คาร์คันแพงๆ ขับ เลยมุ่งหน้ามายังโตเกียวตั้งแต่อายุ 16 ปี ด้วยเงินติดตัวเพียง 6 พันเยน พร้อมกับตัดสินใจเข้าสู่วงการโฮสต์คลับ เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีกว่านี้
ทว่าชีวิตการเป็นหนุ่มโฮสต์นั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดครับ เพราะทางโฮสต์บาร์ที่อาคายะสังกัดอยู่มีกฎเหล็กว่า ถ้าโฮสต์คนไหนไม่สามารถทำเงินจากแขกได้ถึง 5 แสนเยนต่อเดือน ก็จะต้องโดนลงโทษด้วยการทำความสะอาดโฮสต์บาร์เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมงล่วงหน้าก่อนที่จะถึงกะของตัวเอง และพอหมดกะของตัวเองแล้วก็ต้องอยู่ทำความสะอาดต่อด้วย โดยงานหนุ่มโฮสต์เนี่ยจะไม่มีค่าแรงเป็นรายชั่วโมงครับ รายได้ส่วนใหญ่ของหนุ่มโฮสต์จะมาจากส่วนแบ่งคอมมิชชั่นจากเงินค่าทิป หรือค่าเปิดเหล้าของลูกค้าเพียวๆ เลย ทำให้ช่วงแรกอาคายะมีเงินส่งกลับบ้านไปให้พ่อแม่เพียงแค่ประมาณเดือนละ 4 หมื่นเยนเท่านั้น (ประมาณ 12,000 บาท) ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ กับประเทศที่มีค่าครองชีพแพงระยับแบบญี่ปุ่น แม้แต่ตัวอาคายะเองก็ยังต้องประทังชีวิตด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปราคา 100 เยนจากร้านสะดวกซื้อ แถมต้องหักก้อนบะหมี่แบ่งเป็น 4 ส่วนเพื่อที่จะสามารถเก็บไว้กิน 3 มื้อต่อวันได้
และแล้วโชคชะตาของอาคายะก็เริ่มเข้าข้าง เมื่อลูกค้าเริ่มใช้บริการเขามากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2017 ที่ตัวเขาสามารถทำเงินจากลูกค้าได้มากถึง 21 ล้านเยนภายในเดือนนั้นเดือนเดียว ซึ่งในเดือนดังกล่าวมีลูกค้าสาวคนนึงยอมเปย์ค่าเปิดเหล้าราคา 1.2 ล้านเยนระหว่างที่เรียกอาคายะมานั่งคุยด้วยเลยทีเดียว ซึ่งอาคายะกล่าวว่าในกลุ่มลูกค้าของเขา ประมาณครึ่งนึงจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหญิงล้วน ในขณะที่อีกครึ่งจะเป็นสาวๆ ที่ทำงานอยู่ในแวดวงบริการ ที่มีทั้งคนที่เป็นสาวโฮสเตส หรือพนักงานนวด ฯลฯ
ความป๊อปปูลาร์ของอาคายะในปัจจุบัน ทำให้เขามีลูกค้าประจำแวะเวียนมาหาประมาณ 20 คนต่อเดือน แถมแต่ละคนก็เปย์ให้อาคายะครั้งนึงก็ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นเยน ทุกวันนี้ตัวเขามีป้ายโฆษณาโปรโมทขนาดใหญ่ภายในย่านคาบุกิโจ ด้วยภาพลักษณ์ที่สวมนาฬิกาฝังเพชรยี่ห้อ Hublot ราคาเรือนละ 10 ล้านเยน (ประมาณเกือบ 3 ล้านบาท) พร้อมด้วยรถแลมโบร์กินี่รุ่นปี 2018 ราคาคันละ 42 ล้านเยน (ประมาณ 12.3 ล้านบาท) ซึ่งทั้งหมดนี้ ก็เป็นของสมนาคุณจากเหล่าลูกค้าของอาคายะ ที่เจ้าตัวเรียกพวกนางว่า "องค์หญิง" เพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้าของเขานั่นเอง (นโยบายของโฮสต์บาร์จะไม่ให้เปิดเผยชื่อลูกค้า เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วยครับ)
เพื่อนๆ สามารถชมคลิปสัมภาษณ์หนุ่มอาคายะได้ที่ด้านล่างครับ
เรื่องราวของอาคายะนั้นได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อในเอเชียที่โฟกัสเรื่องราวในสังคมญี่ปุ่นครับ ว่าท่ามกลางสังคมที่มีการแข่งขันและความเครียดสูง ผู้คนต้องปากกัดตีนถีบ การที่คนๆ นึงจะสามารถลืมตาอ้าปาก จนเป็นที่ยอมรับในสังคมได้นั้นต้องใช้ความพยายามและความเพียรยิ่งกว่าที่คิดเยอะมาก อย่างในบ้านเรา ใครจะเอาเรื่องราวของอาคายะไปเป็นแรงบันดาลใจในการทำตามความฝันก็ไม่ขัดศรัทธาจ้า
เครดิต: Soranews24