ปัจจุบัน ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหามีประชากรในวัยชราเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราการเกิดของประชากรก็ลดลงอย่างน่าใจหาย ทำให้คนวัยทำงานก็ลดจำนวนลงตามไปด้วย ดังนั้นตามบริษัทต่างๆ หรือห้างร้านต่างต้องประกาศรับสมัครคนเพิ่มเป็นการใหญ่ เพื่อให้มีปริมาณคนรองรับกับงานที่มีล้นนั่นเอง
และแล้วก็ได้มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง นามว่า Akasofa ได้โพสต์รูปประกาศรับสมัครพนักงานของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ฟังดูแล้วอาจจะดูเหมือนเรื่องปกติทั่วไป แต่ทว่าความพิเศษของมันคือคุณสมบัติพนักงานที่ทางซูเปอร์มาร์เก็ตต้องการนั้นอยู่ในขั้นบ้าระห่ำเกินกว่าที่มนุษย์ปกติจะทำไหวได้ ตามรูปด้านล่างครับ
เรากำลังมองหาผู้ที่กำลังว่างงาน และมีความสามารถระดับยอดมนุษย์ ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- สามารถทำงานกะไหนก็ได้ในรอบวัน โดยเรายินดีรับผู้ที่ทำงานในช่วง 8 โมงเช้า - 4 โมงเย็น และ 4 โมงเย็น - เที่ยงคืนด้วย
- ไม่หยุดหรือไม่ใช้วันลา (ตามสิทธิ์ที่ลาได้ 1-2 วันต่อเดือน)
- ไม่มีความต้องการที่จะไปเที่ยวพักผ่อนหรือขอพักในช่วงหยุดยาว
- ไม่มาสาย และไม่โดดงาน
- มีความต้องการที่จะทำให้ร้านดูคึกคักอยู่เสมอ
เราพร้อมเปิดรับผู้ว่างงานทุกคนที่อยากจะมาเป็นส่วนหนึ่งกับทางเรา ด้วยความกระตือรือร้นที่จะทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โดยสามารถทำงานได้ 4-5 วันต่อสัปดาห์ และจะมีการขึ้นเงินเดือนให้ด้วย ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำงานหนักแค่ไหน สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ด้านหน้าร้าน ซึ่งโฆษณานี้จะโปรโมทต่อไปจนกว่าทางเราจะได้คนที่ต้องการ โอกาสของคุณมาถึงแล้ว!
บรรดาชาวเน็ตในญี่ปุ่นที่เห็นประกาศรับสมัครงานของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ ก็พากันแสดงความเห็นเข้ามามากมาย อาทิ
- พวกเขาคงไม่ได้คิดจะหายอดมนุษย์มาเป็นพนักงานละมั้ง น่าจะหาทาสมากกว่า
- นี่เขาคิดจะใช้คนแบบสากกระเบือยันเรือรบเลยรึไง?
- มันน่าทึ่งก็ตรงที่พี่แกประกาศรับคนโดยไม่มีพูดถึงค่าแรงรายชั่วโมงเลยว่าให้เท่าไหร่ จิตใจทำด้วยอะไรกันฟะ
- โฆษณานี้คงมีเป้าหมายในการกำจัดมนุษย์ทิ้งละมั้ง
- "โอกาสของคุณมาถึงแล้ว" มันพูดถึงโอกาสอะไรกันแน่ฟะ?
- ใช้งานโหดขนาดนี้ สู้ไปทำงานในธุรกิจมืดแทนดีกว่าเหอะ
จะว่าไปแล้ว แม้ว่าเรื่องแบบนี้อาจจะต้องปล่อยให้เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างก็ตาม แต่คุณสมบัติบางข้อก็ดูจะโหดเกินกว่าการใช้แรงงานมนุษย์ทั่วไปจริงๆ แหละครับ ซึ่งก็อยู่ที่ว่ากระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นจะลงมามีมาตรการอะไรกับเรื่องนี้บ้างหรือไม่ อีกอย่างก็คือ เคยมีผลวิจัยกันมาแล้วว่าการโหมทำงานหนักตามวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นก็ไม่ได้ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นเท่าการจัดสมดุลเวลาระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวแต่อย่างใดด้วย
เครดิต: Soranews24