ถ้าพูดถึงเรื่องการล้อเลียนผู้อื่นแล้ว คนไทยหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นที่ไม่ต้องคิดมากอะไร แต่ถ้าเป็นในสหรัฐอเมริกานั้นอาจทำให้คุณถึงขั้นโดนไล่ออกจากงานที่ทำได้เลยทีเดียว เหมือนดังเช่นกรณีที่พนักงานร้านกาแฟชื่อดัง Starbucks สาขาหนึ่งในเมืองฟิลาเดลเฟียโดนไล่ออกเพราะดันไปล้อเลียนการออกเสียงของคนที่มีอาการพูดติดอ่างนั่นเองค่ะ
โดยเรื่องราวในครั้งนี้ได้ถูกบอกเล่าผ่านทาง Facebook ของนักเรียนไทยในฟิลาเดลเฟียที่ชื่อว่า Tan Lekwijit ซึ่งได้เล่าว่าเขากับเพื่อนที่ชื่อ Sam ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาการพูดติดอ่างนั้นได้ไปสั่งกาแฟที่ร้านสตาร์บัคส์สาขาหนึ่ง และในระหว่างที่บอกชื่อตัวเองให้กับพนักงานนั้น แซมก็เกิดพูดชื่อตนเองด้วยอาการตะกุกตะกักว่า “ซ-ซ-ซ-แซม” แต่แทนที่พนักงานที่เป็นผู้รับออเดอร์และชงกาแฟนั้นจะขานรับเขาแบบปกติ เขากลับเลียนแบบการออกเสียงชื่อของแซมด้วยอาการตะกุกตะกักแบบเดียวกัน ยังไม่พอ ในตอนที่ไปรับแก้วกาแฟที่สั่งไว้ ลูกค้าทั้งคู่กลับต้องยิ่งตกใจเมื่อพบว่าชื่อบนแก้วกาแฟนั้นถูกเขียนไว้ว่า “SSSAM” (ซซแซม) แทนที่จะเป็นแซมเฉยๆ เสียอย่างนั้น ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาทสุดๆ
ฝ่ายที่โดนล้อเลียนอย่างแซมก็ใช่ว่าจะอยู่เฉย โดยเขาได้ส่งอีเมลแจ้งเรื่องไปยังฝ่ายบริการลูกค้าของทางสตาร์บัคส์ในทันที แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเพียงแค่คำขอโทษนิดหน่อยพร้อมบัตรกำนัลมูลค่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 165 บาทเท่านั้น แถมเมื่อคุณ Tan ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์นำเรื่องดังกล่าวไปโพสต์ตำหนิในเพจ Facebook ของทางสตาร์บัคส์ โพสต์ของเขากลับโดนอุ้มหายเข้ากลีบเมฆไปซะอย่างนั้น... จนกระทั่งเขาต้องเปลี่ยนมาโพสต์เล่าเรื่องราวดังกล่าวบนหน้า Facebook ของตนเองแทน
โพสต์ของเขาในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเพื่อนๆ และชาวโซเชียล โดยมีผู้มาร่วมคอมเม้นต์มากกว่า 300 คอมเม้นต์ด้วยกัน ซึ่งส่วนมากก็พากันตำหนิพนักงานคนดังกล่าวว่าไม่ควรนำปมด้อยของผู้ที่มีปัญหาด้านการพูดมาหยอกล้อแบบนี้ จนกระทั่งในที่สุด ทางสตาร์บัคส์ที่ได้ทราบเข้าก็โผล่ออกมาชี้แจงว่าผู้บริหารของเราได้ติดต่อไปยังคุณแซมเพื่อพูดคุยและขอโทษโดยตรงแล้ว พร้อมทั้งยืนยันด้วยว่าทางสตาร์บัคส์นั้นจะไม่ยอมให้มีการแบ่งแยกหรือเลือกปฏิบัติอยู่ในขั้นตอนการบริการของเราเด็ดขาด และได้ทำการไล่พนักงานคนดังกล่าวออกไปเรียบร้อยแล้ว
ยังดีนะคะที่เรื่องนี้สามารถจบลงได้ด้วยดีด้วยการที่ทางคุณแซมและเพื่อนของเขานั้นก็ไม่ได้ติดใจจะเอาเรื่องอะไรมาก และกล่าวว่าจะยังคงอุดหนุนทางสตาร์บัคส์ต่อไป เพียงแค่กล่าวเสริมไปในโพสต์ต้นทางว่าอยากให้เรื่องนี้เป็นตัวอย่างให้แก่พนักงานคนอื่นๆ ของทางสตาร์บัคส์เท่านั้น เพราะการล้อเลียนผู้คนที่มีปัญหาความบกพร่องไม่ว่าจะในด้านในๆ ล้วนแต่จะสร้างแผลใจให้กับคนเหล่านั้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะหากผู้ที่ล้อเลียนเป็นพนักงานบริการที่ควรจะบริการลูกค้าด้วยความเต็มใจนั่นเอง
งานนี้คนไทยอย่างเราๆ เองก็ควรจะจำเอาไว้เป็นตัวอย่างเหมือนกันนะคะ เพราะไม่ว่าเราจะเป็นแค่นักเรียน คนทำงาน หรือพนักงานบริการ ก็ไม่ควรที่จะเอาปมด้อยของใครไปล้อเลียนเป็นเรื่องตลกทั้งนั้น เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเรื่องตลกไร้สาระของเรานั้นจะส่งผลร้ายแรงแค่ไหนกับฝ่ายที่โดนล้อ ยังไงก็อย่าลืมพูดคุยกันดีๆ มีมารยาทต่อกันและกันเนอะ
เครดิต: Independent, Eater