โหดร้าย! โพลล์เผยคนตาบอดกับหมานำทางมักโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านหรือรับบริการ

แชร์เรื่องนี้:
โหดร้าย! โพลล์เผยคนตาบอดกับหมานำทางมักโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านหรือรับบริการ

ปัจจุบันการใช้ชีวิตของผู้พิการทางสายตานั้นจะมีความยากลำบากกว่าคนปกติหลายเท่านัก ซึ่งในหลายๆ ประเทศนั้น ผู้พิการทางสายตาก็จะสามารถใช้สุนัขนำทางเพื่อคอยช่วยเหลือระหว่างการเดินทางได้ตลอดเวลา ทว่าด้วยการที่ใช้สุนัขเป็นเพื่อนคู่ใจในยามยากนี่เอง ก็ได้เป็นประเด็นที่ทำให้ผู้พิการทางสายตาไม่ได้รับความสะดวกสบายบางอย่าง อาทิ การเข้าไปรับประทานอาหารในร้าน หรือใช้บริการตามร้านค้าต่างๆ เป็นต้น โดยในกรณีนี้ก็ได้มีการทำแบบสำรวจในประเทศญี่ปุ่น ว่าด้วยเรื่องปัญหาที่เคยพบเจอในสังคมของผู้พิการทางสายตาที่พาสุนัขนำทางมาด้วย ก็ปรากฏว่ามีกลุ่มตัวอย่างจำนวนถึง 63% ที่เปิดเผยว่าตนเองเคยมีประสบการณ์ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านในช่วงรอบปีที่ผ่านมาด้วยครับ

ทั้งนี้ เมื่อแบบสำรวจได้ทำการสอบถามเจาะลึกลงไป ก็พบว่ามีร้อยละ 78.7% ใน 63% แรกที่เคยโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าร้านขายอาหาร ในขณะที่มีจำนวน 28% เคยโดนปฏิเสธไม่ให้ใช้บริการรถแท็กซี่ และอีก 21.3% เคยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพักที่โรงแรม ซึ่งทุกสถานที่ที่กล่าวมา ล้วนมีกฎเคร่งเรื่องความสะอาดและสุขอนามัยเป็นอันดับแรก และในบรรดาผู้พิการทางสายตาที่มาพร้อมน้องหมาที่กล่าวมา ก็มีจำนวน 68% ที่พยายามจะอธิบายถึงความจำเป็นของตนเองในการเข้าใช้บริการ ส่วนอีก 25.3% เลือกที่จะเงียบและเดินออกมาเอง เพราะไม่อยากจะมีปัญหากับทางร้าน มิหนำซ้ำยังมีอีก 26.9% ที่โดนทางร้านพูดจาดูถูก แถมยังโดนถ่ายภาพและวิดีโอโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย

พอเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ไปยังโลกโซเชียล ก็มีความเห็นชาวเน็ตในญี่ปุ่นเข้ามาประปราย ดังนี้ครับ

"คนที่เลี้ยงหมาคงไม่เอะใจเรื่องกลิ่นหรอก แต่ต่อให้พามันไปอาบน้ำมาจนสะอาดแล้วก็เหอะ เราก็ไม่อยากให้ใครพาหมาเข้ามาในร้านอาหารแน่นอน"
"มันเป็นเรื่องของความเคร่งครัดด้านสุขอนามัยเลยนะที่ห้ามนำสัตว์เข้าร้านอาหาร ต่อให้มีองค์กรไปล็อบบี้ให้ยกเว้นในกรณีหมานำทางด้วยก็เหอะ ทางร้านก็ต้องมีคำตอบด้วยนะถ้ามีปัญหาเรื่องอาหารเป็นพิษกับลูกค้าขึ้นมา"
"นี่เขามีคำนึงถึงคนที่เป็นภูมิแพ้พวกสัตว์ หรือไม่ถูกกับสัตว์บ้างมั้ยเนี่ย?"
"ถ้าสุนัขนำทางสามารถแสดงความรับผิดชอบเวลาเกิดอาหารเป็นพิษได้ ทุกอย่างก็คงจบ"
"เราเข้าใจได้นะถ้าร้านอาหารจะปฏิเสธไม่ให้เข้า แต่การไปดูถูกเขาหรือแอบถ่ายรูปเขานี่มันเกินไปหน่อยนะ"

สำหรับปัญหานี้เราอาจต้องแยกเป็นประเด็นก่อนว่าในร้านอาหารที่เมืองนอกนั้นเขาจะคำนึงถึงเรื่องความสะอาดเป็นอันดับหนึ่งครับ ซึ่งชาวเน็ตบางคนให้ความเห็นว่าองค์กรที่มีหน้าที่ดูแลสวัสดิการของผู้พิการทางสายตาควรจะมีการให้คำแนะนำเรื่องสถานที่ที่เปิดรับบุคคลทุกกลุ่มเพื่อเข้าใช้บริการ และปัญหาเรื่องการดูหมิ่น คงต้องแก้เป็นกรณีไป เพราะอย่างน้อยผู้พิการเขาก็เป็นคนเหมือนเรา เพียงแต่เขาขาดโอกาสเท่านั้น ถ้าเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา สังคมจะน่าอยู่ขึ้นเยอะแน่นอน

เครดิต: Soranews24

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ