เร็วๆ นี้ได้มีดราม่าขึ้นที่ประเทศฮ่องกงครับ เมื่อกลุ่มคนขับรถแท็กซี่สาธารณะได้ออกมารวมตัวกันประท้วงรถอูเบอร์ (UBER) ด้วยการขู่ปิดถนนใจกลางเมืองด้วยขบวนรถแท็กซี่ จนกว่าจะรัฐบาลจะยอมให้เข้าพบและรับเรื่องร้องเรียนของพวกตน พร้อมกับกล่าวหารัฐบาลว่าปล่อยปละละเลยให้มีธุรกิจรถรับจ้างผิดกฎหมายอย่าง UBER เกิดขึ้นในฮ่องกง โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป (15 มีนาคม) ทางกลุ่มคนขับแท็กซี่จะเริ่มแผนขับรถช้าๆ ล้อมรอบทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่เวลา 8 โมงเช้าจนถึงเที่ยงตรงเพื่อเป็นการประท้วงครับ แล้วหลังจากพ้นเวลาเที่ยงปุ๊บ กลุ่มคนขับแท็กซี่ทั้งหมดจะแสดงความรู้สึกคับแค้นใจของพวกตนต่อรัฐบาลด้วยการรุมบีบแตรเป็นเวลานาน 30 วินาทีด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะทำการผูกริบบิ้นดำที่ตัวรถ รวมถึงแขวนป้ายประท้วงที่หน้าต่างของรถอีกเช่นกัน
ต่อมา โฆษกของกลุ่มคนขับแท็กซี่ได้กล่าวว่าพวกตนได้ร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ซึ่งในตัวแทนของกลุ่มคนขับแท็กซี่ก็กล่าวเสริมว่ารัฐบาลฮ่องกงควรยุบ UBER ทันทีและขับไล่ให้ธุรกิจนี้กลับไปยังสหรัฐอเมริกาซะ
จากทั้งหมดที่กล่าวมา อาจจะดูเหมือนว่าแท็กซี่มีความเดือดร้อนจริงตามที่พวกเขาร้องเรียนไป ด้วยเหตุนี้ทางผู้สื่อข่าวของ Coconuts ที่เป็นแหล่งข่าวต้นทางก็เลยลงไปสำรวจพื้นที่กับบรรดาแท็กซี่ในฮ่องกงด้วยตนเอง โดยทดสอบด้วยการเรียกใช้บริการแท็กซี่หลายๆ คัน ปรากฏว่ามีเพียงแท็กซี่เพียงคันเดียวเท่านั้นที่ยอมกดมิเตอร์ และส่วนใหญ่ก็เจอคนขับปฏิเสธที่จะไปยังสถานที่ที่ผู้สื่อข่าวต้องการด้วย แถมบางคันก็โก่งราคาค่าโดยสารซะแพงลิบ ดังคลิปด้านล่างครับ
งานนี้ดูท่าทางว่าจะคล้ายกับปัญหาแท็กซี่ในไทยแล้วละครับ พอถึงกลางคืนก็ไม่อยากกดมิเตอร์กัน บ้างก็ปฏิเสธผู้โดยสาร จนผู้คนเอือมระอา หนีไปใช้บริการ UBER กันหมด พอลูกค้าหายก็มาโวย UBER โดยที่ไม่มองตัวเองเลยว่าเคยทำอะไรไว้บ้างน่ะสิครับ
เครดิต: Coconuts