นับตั้งแต่ย่างเข้ากลางเดือนมกราคมปี 2561 เป็นต้นมา กระแสของ BNK48 และเพลงมหาชนอย่าง 'คุกกี้เสี่ยงทาย' ก็ยังคงถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในวงที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ในอัตราความเร็วที่หากนึกย้อนกลับไปยังช่วงวงเดบิวต์ใหม่ๆ คงนึกว่าโกหกล้อกันเล่นเป็นแน่ ซึ่งในมุมมองหนึ่งมันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่วงสามารถสร้างกระแสได้ขนาดนี้ การมีพรีเซนเตอร์เข้ามากมายหลายเจ้าช่วยเสริมสร้างความสถาพรให้กับวงเป็นอย่างดี และทำให้แฟนๆ อดดีใจ และตื้นตันไปด้วยไม่ได้ที่วันหนึ่งพวกเขาได้เห็นกลุ่มเด็กสาวที่ตามเชียร์มาได้มีหน้ามีตาในสังคมคนหมู่มาก
แต่เหรียญย่อมมี 2 ด้าน ในอีกทางหนึ่งใต้แสงสุกสกาวอันเฉิดฉายของสาวๆ มันยังมีเงามืดที่แผ่ไกลขึ้นเป็นเงาตามตัว ความโด่งดังย่อมเรียกผู้คนหมู่มากเข้าหา เฉกเช่นเดียวกับจุดเด่นในความแปลกใหม่ที่กระตุ้นให้คนที่ไม่มักคุ้นเกิดความสนใจ ปัญหา "การโตไวเกินไป" ของแฟนคลับจึงเกิดขึ้น และนำมาซึ่งสิ่งแย่ๆ ที่เหนือกว่าการควบคุมในปัจจุบันจะจัดการได้
ตัวอย่างที่สามารถยกขึ้นมาให้เห็นได้ชัดก็คือการไลฟ์สดที่ Digital Live Studio ของเมมเบอร์ BNK48 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะถูกบันทึกว่าเป็นวันที่มีคนมาชมมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ที่ "ตู้ปลา" แห่งนี้เปิดมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีก่อน ด้วยว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ และมีเมมเบอร์ระดับเป้งๆ มาพอสมควร จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะมารอดูเยอะ แต่อาจจะคิดไม่ถึงกันว่าจะมากันมากมายขนาดนี้
เมื่อมากคนก็มากความ เราได้เห็นภาพความโกลาหลถูกถ่ายทอดออกมาผานสื่อโซเชี่ยลให้แฟนคลับอีกกลุ่มวิพากย์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน นับรวมถึงเหตุการณ์ปลีกย่อยอีกมากมายผ่านคำบอกเล่าของเหล่าผู้ที่อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งกลายเป็นประเด็นทั้งฝั่งที่เห็นด้วยไม่เห็นด้วยต่างสาดนํ้าคำซัดกันยืดยาวหลายคอมเม้นต์มาตั้งแต่เมื่อคืน จนคนที่ตามเรื่องหลายคนอาจจะ "ยังไม่ได้นอนเลยจะ 10 โมงเช้า" พลางจกป็อปคอร์นเข้าปากไปด้วยเพื่อความเมามันส์ ขณะที่อีกหลายๆ คนก็เลือกจะปล่อยวางหันหน้าเข้าทุ่งลาเวนเดอร์เสพย์รูปน้องๆ เมมเบอร์เติมความสดใสให้ชีวิตรัวๆ เพราะมองว่าดราม่าระหว่างแฟนคลับด้วยกันกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
แม้กระนั้นเรามาย้อนดูดีกว่าว่าปัญหาที่ถูกพูดถึงเมื่อวานมีอะไรบ้าง เพราะต้องยอมรับจริงๆ ครับว่าตู้ปลารอบล่าสุดนี่เป็นความล้มเหลวทางการควบคุมโดยดุษฎีจริงๆ
1. ต่อตัวเพื่อให้ได้เห็นเมมเบอร์
ภาพจาก https://twitter.com/OtaBoys
"อยากจะได้โพบ อยากจะได้โพบ~" ไม่ว่าใครก็ไม่อยากมาให้เสียเที่ยว ค่ารถค่ารามาห้างก็ไม่ใช่ถูกๆ ถ้ามาแล้วคนเยอะแล้วมองไม่เห็นก็ต้องหาทาง Life will find a way ดังนั้นแล้วมันจึงเกิดโมเมนต์ขี่คอกันถ่ายศิลปินตามรูปครับ ซึ่งมันก็มีคนที่มองกัน 2 แบบ ฝ่ายหนึ่งก็ว่าไม่ควรทำ มันดูไม่เป็นระเบียบ ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของแฟนคลับจะส่งผลเสียต่อเมมเบอร์ ขณะที่อีกฝ่ายก็บอกว่าพวกเขาเหล่านี้ก็ต่อตัวกันเอง แถมอยู่ข้างหลังไม่ได้อยู่ข้างหน้า ไม่ได้บังใครก็พอจะอะลุ่มอะหล่วยกันได้
2. การทะลักของผู้ชมเข้าร้านค้ารอบข้าง
ปัญหาเรื้อรังที่แท้ทรูของตู้ปลา ที่แม้ก่อนหน้าไม่นานแฟนจะไม่ได้เยอะขนาดนี้ก็ยังส่อแววเกิดปัญหา ทว่าเมื่อวานคือ First Impact ที่เกิดปัญหาอย่างจริงจังครั้่งแรก คนล้นในแบบที่หลายฝ่ายก็ทำอะไรไม่ถูก ขณะที่บางคนก็บอกว่าแค่ทะลักไปอยู่ในร้านเขาไม่พอ ยังพากันตะโกนเสียงดังออกมาข้างนอกกันอีกต่างหาก สะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ปัจจุบันของตู้ปลาไม่พอรองรับปริมาณล้นหลามของแฟนคลับอย่างจริงจังแล้ว
3. การวิ่งควาย
ผลจากความคิดเห็นไม่ตรงกันและอาจไม่มีวันบรรจบกันได้ของแฟนคลับ 2 กลุ่มที่กลุ่มหนึ่งเชื่อว่ามาก่อนต้องได้ที่ดีๆ ก่อน ขณะที่อีกกลุ่มก็แย้งกลับว่า มาก่อนในเวลาที่ทางการไม่กำหนดถือว่าไม่นับ ซึ่งแนวโน้มก็ดูจะเป็นอย่างเดิมไปเรื่อยๆ คือต่างฝ่ายต่างเชื่อในความคิดของตนเอง หรือแม้จะต่อแถวแต่บางครั้งพอมีคนวิ่งก็จะวิ่งกันอยู่ดีเพื่อจับจองพื้นที่ที่ดีให้สมกับที่รอคอยมาหลายชั่วโมงนั่นเอง แม้ทุกๆ คนจะรู้แก่ใจดีว่ามันไม่ควรวิ่งก็ตาม
4. การตะโกนเสียงดัง
ผู้คนควรให้การเคารพต่อสถานที่ แต่อาการหวีดคนที่ชอบบางครั้งก็อาจทำให้ลืมตัว ยิ่งพอหวีดกันเป็นหมู่คณะก็อาจจะรู้สึกว่ามีเพื่อน เมื่อมีเพื่อนก็อาจจะเผลอคิดไปว่าการกระทำนี้ "ชอบธรรม" สิ่งที่ตามมาคือมีคนไม่เห็นด้วยและพยายามบอก แต่นํ้าน้อยย่อมแพ้ไฟ เมื่อบอกแล้วไม่ฟังก็ออกอาการหัวร้อน เกิดการตะโกนด่าทอคืนด้วยคำหยาบ พร้อมคำพูดในเชิงขมขู่รุนแรง ซึ่งกลายเป็นว่าทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูแย่ลงไปอีก
5. แสร้งเนียนลัดคิว มาเฟียหน้าตู้?
แต่ต้องยอมรับครับว่าประเด็นร้อนระอุที่สุดทั้งในกรุ๊ปแฟนคลับและโลกทวิตเตอร์ในแท็ก BNK48 เมื่อคืนนี้คือเรื่องของแฟนคลับเก่าแก่ท่านหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นมาเฟียตู้ปลา โดยมีคนมาเปิดประเด็นในทวิตเตอร์ก่อนเรื่องที่เจ้าตัวมักจะชอบมาจัดแถวก่อนเริ่มไลฟ์ซึ่งพอถึงเวลาไลฟ์แกก็มักจะเดินเข้าไปพร้อมหัวแถวและได้นั่งข้างหน้าอยู่บ่อยครั้ง จากนั้นจึงเริ่มมีคนที่เห็นคล้ายๆ กันมาออกความเห็นสมทบและลามไปยังกรุ๊ปแฟนคลับบน Facebook โดยที่มีแฟนคลับที่ไม่ได้ไปหน้าตู้ตั้งเตารอต้มมาม่าไว้ก่อนหน้าแล้วอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อผ่านไปสักพักเพื่อนของผู้ถูกกล่าวหาเริ่มเข้ามาตอบโต้กับเหล่าผู้กล่าวหา โดยเจ้าตัวบอกว่าตอนแรกมีอารมณ์หัวร้อนเป็นเหตุให้แสดงอากัปกิริยาไม่ควรออกไปและพิมพ์ตอบโต้ด้วยความหยาบคาย ทว่าสามารถดึงสติได้ในเวลาต่อมาทำให้พูดจาโต้แย้งกับฝั่งตรงข้ามด้วยอารมณ์ที่เย็นลง จากนั้นก็เริ่มมีคนที่รู้จักผู้ถูกกล่าวหาเริ่มมาโต้แย้งช่วย แต่เพราะว่าเป็นการพูดในมุมมองบุคคลที่ 3 แถมเจ้าตัวผู้ถูกกล่าวหายังเงียบอยู่ ส่งผลให้นํ้าหนักสิ่งที่พูดค่อนข้างเบาไปสักนิด
อย่างไรก็ดีล่าสุดเจ้าตัวก็ได้ออกมาเคลียร์ประเด็นดังกล่าวในกรุ๊ปๆ หนึ่งแล้วเรียบร้อย
ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณผู้เสพย์ข่าวล่ะครับว่าจะเอียงไปทางใด
จะเห็นได้ว่าปัญหาที่ยกขึ้นมาเพียง 5 ข้ออันเด่นชัดซึ่งกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตบนโลกโซเชี่บลมีเดียร์เมื่อคืนวาน ส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกลุ่มแฟนคลับ BNK48 ที่เมื่อ 6 เดือนก่อนมีเท่าไหร่ วันนี้ให้คูน 10 เป็นอย่างตํ่าไปได้เลย ทำให้ปริมาณคนจัดการจากทาง BNK48 ซึ่งแม้จะทำการ "ดับเบิ้ล" คนเข้าไปเพิ่มแล้ว แต่คูณ 2 หรือจะสู้คูณ 10 ปัญหาต่างๆ จึงแลดูจะถดไปในทางที่ต้องบอกว่าแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ในระดับที่หากแฟนคลับไม่แก้กันที่ตัวเองให้ได้ชนิด 100 เปอร์เซ็นต์ก่อนก็คงจะหาทางออกกันไม่เจอเป็นแน่
เมมเบอร์ BNK48 รุ่น 1 ดูจะใหญ่กว่าพื้นที่ตรงนี้จริงๆ เสียแล้ว
แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ? มีความคิดเห็นหรือทางแก้ยังไงสำหรับปัญหานี้บ้าง แสดงความเห็นกันเข้ามาได้นะ!