ณ ปัจจุบัน เขตที่ 2 (Nichome) ของเมืองชินจูกุนั้นเปรียบเสมือนศูนย์กลางเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดโตเกียว และยังเป็นชุมชนหลักของชาว LGBT อีกด้วย (LGBT เป็นการนำอักษรตัวแรกของคำว่า Lesbian, Gay, Bisexual และ Transgender ที่หมายถึงกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ) ซึ่งเขตนี้ยังอุดมไปด้วยความเจริญรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นบรรดาร้านรวงและธุรกิจนานาชนิด กระทั่งล่าสุดก็มีสถาบันแห่งหนึ่งเปิดตัวขึ้นมาเพื่อสอนหลักสูตรการประยุกต์ไลฟ์สไตล์ให้เข้ากับเพศสภาพของผู้เรียนด้วย โดยหลักสูตรนี้มีชื่อว่า โอโตเมะจูคุ นั่นเอง
อธิบายคร่าวๆ ก่อนครับว่า โอโตเมะจูคุ จะมีความหมายประมาณว่าโรงเรียนสตรี แต่วัตถุประสงค์หลักของโรงเรียนนี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่เกิดมามีเพศสภาพเป็นชายได้เรียนรู้และฝึกฝนมารยาทและวิถีปฏิบัติแบบผู้หญิงให้ดูเหมือนผู้หญิงจริงๆ ซึ่งโรงเรียนดังกล่าวได้ก่อตั้งขึ้นโดยคุณซัทสึกิ นิชิฮาร่า ผู้ทำหน้าที่เหมือนกระบอกเสียงของชาว LGBT ที่เสนอหลักสูตรเฉพาะทางด้านนี้ให้แก่ผู้ที่สนใจไว้หลายอย่างทีเดียวครับ
คุณนิชิฮาร่าได้เปิดเผยถึงสาเหตุและแรงบันดาลใจในการก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมาว่า ตัวเขาต้องการจะสร้างโรงเรียนที่จะทำหน้าที่คอยช่วยเหลือผู้คนที่อยากจะแต่งกายเหมือนผู้หญิง แต่ยังขาดความมั่นใจในการจะแต่งแล้วออกมาให้ดูน่ารัก โดยโรงเรียนนี้จะทำให้พวกเขาสามารถแต่งกายและแสดงออกให้เหมือนผู้หญิงได้เมื่อออกสู่สาธารณะ
สำหรับหลักสูตรโอโตเมะจูคุจะแบ่งออกเป็น 3 คลาสด้วยกัน เริ่มตั้งแต่คลาสขัดเกลาความเป็นหญิง ที่จะมุ่งเน้นการสอนไปที่การฝึกจับวัตถุหรือสัมผัสผู้อื่นให้เหมือนผู้หญิงจริงๆ รวมไปถึงการเดิน เคลื่อนไหว ตลอดจนการสนทนา ขณะเดียวกัน ในส่วนของคลาสเมคอัพ ก็จะเป็นการสอนให้นักเรียนประยุกต์การใช้เครื่องสำอางเพื่อให้ดูเปล่งประกายเหมือนสาวสะพรั่ง ซึ่งสามารถทำได้แม้ว่าชาว LGBT คนนั้นจะมีโครงหน้าหรือบุคลิกท่าทางเหมือนผู้ชายอยู่บ้างก็ตาม สุดท้ายก็คือคลาสเรื่องการใช้เสียง ที่จะเทรนให้นักเรียนควบคุมโทนเสียงพูดให้นุ่มและลื่นหู เพื่อให้ดูเหมือนสาวจริงๆ มากขึ้น
ค่าใช้จ่ายของการเรียนทั้ง 3 คลาสจะตกอยู่ที่คลาสละ 6,000 เยน (ประมาณ 1,800 บาท) และถ้าเลือกเรียนคอร์สที่เป็นมัดรวม 5 คลาส ค่าเรียนก็จะอยู่ที่ 29,000 เยน (ประมาณ 8,700 บาท) ซึ่งหลักสูตรโอโตเมะจูคุจะเริ่มการปูพื้นฐานตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป และเริ่มเรียนกันจริงๆ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ตรงนี้ถ้าหากเพื่อนๆ ชาวไทยอยากจะไปลองเรียนดูถึงที่โตเกียวก็สามารถสมัครได้ที่ (คลิกที่นี่)
เครดิต: Rocketnews24
เครดิตรูปภาพ: PR Times