เด้งทันที! โปร Overwatch ถูกไล่ออกจากทีมหลังแสดงพฤติกรรมเหยียดผิวระหว่างการ Stream

     สำหรับนักกีฬา E-Sports มือ Pro ทั้งหลายที่มีสังกัดหรือทีม การแสดงกิริยามารยาทที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะหากคุณได้ไปทำอะไรที่ทำให้ทีมเสียชื่อเสียงแล้วละก็ อาชีพนักกีฬา E-Sports ของคุณก็มีแนวโน้มที่จะจบลงทันที ดังเช่น Matt “Dellor” Vaughn มือโปร Overwatch จากทีม Toronto Esports ซึ่งได้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องการเหยียดผิวจนทำให้อาชีพนักกีฬา E-Sports ของเขาต้องสิ้นสุดทันที

     Vaughn หรือชื่อในเกม Dellor อายุ 28 ปี ได้ทำการ Stream อยู่ใน Twitch และได้ฟิวส์ขาดในระหว่างการเล่น Rank ในเกม Overwatch จากเหตุการณ์ที่เขาโดนยิงโดย Widowmaker ของฝั่งตรงข้ามส่งผลให้เพื่อนร่วมทีมในเกมนั้นของเขาพูดเตือนมา แต่ Dellor กลับสติแตกก่อนที่จะรัวคำว่า Nigger ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในการเหยียดผิว เป็นเวลากว่า 30 วินาที ซึ่งงานนี้ก็ไม่พ้นมือดี Capture คลิปออกมาจนเรื่องไปเข้าหูสังกัดของเขา Toronto Esports

คลิปมีเสียงดัง โปรดระมัดระวังในการรับชม

     หลังจากทีม Toronto Esports ได้ทราบเรื่องก็เกิดการไต่สวน Dellor ทันที ซึ่งตัวเขานั้นก็ยอมรับว่าได้กระทำความผิดจริงก่อนจะถูกยกเลิกสัญญาในเวลาต่อมา ซึ่ง Dellor ก็ได้ออกมาบอกเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่เกิดเรื่องบน TwitLonger ใจความว่า "ผมทำพลาดอย่างมาก และสมควรแล้วที่จะถูกถอดจากทีม Totonto Esports ผมไม่ได้จะมาเถียงหรืออ้างอะไรทั้งนั้น แค่อยากจะมาเล่าเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น ในวันนั้นเป็นวันที่แย่มาก ผมนอนน้อย พอหลังจากตื่นมา Twitch ก็มีปัญหาไปถึง 2 ชม. แถมพอหลังจากหายก็มีปัญหาเรื่องแลคมาอีก นั่นทำให้ผมหงุดหงิดมาก จนมาถึงเกมที่มีปัญหา ผมรู้ว่า Widowmaker อีกฝั่งเล่นโกงรวมไปถึงเมื่อทีมฝั่งตรงข้ามและฝั่งผมพูดแย่ๆ ใส่..... ผมก็สติหลุดไปเลยและเป็นอย่างที่ทุกคนเห็นกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ผมรู้ดีว่าผมมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์ แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกจริงๆ ก็คือ ผมไม่ใช่คนเหยียดผิว ที่ผมพูดไปแบบนั้นเพราะผมโมโหมากและต้องการให้คนที่มีปัญหากับผมหงุดหงิดด้วยเช่นกัน เลยเลือกคำที่ดูแรงที่สุดที่ผมคิดเองในเวลานั้น"

     นอกจากถูกถอดถอนออกจากทีมแล้วบัญชี Twitch ของเขาก็ถูกปิดลงด้วยเช่นกันด้วยข้อหาการกระทำความรุนแรงอีกด้วย โดยตัว Dellor ก็ได้ทิ้งท้ายว่าเขาคงพอแล้วกับ E-Sports และจะไม่กลับมาเล่นอีก ก็ถือได้ว่าเป็นบทเรียนชิ้นใหญ่ของเจ้าตัวไปเลย

Source : kotaku