โจเซฟ แคมป์เบล เป็นนักวิชาการที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับตำนาน และเรื่องราวไปทั่วทุกมุมบนโลก และได้ตั้งทฤษฎีที่เรียกว่า Hero's Journey ขึ้นในปี 1949 ซึ่งเป็นการสรุปเรื่องราวว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเหมือนกัน ซึ่งก็มีคลิปบน YouTube ที่ใช้ชื่อว่า "Every Story is the same" ที่นำเอาทฤษฎีอันนี้มายกตัวอย่างได้เป็นอย่างดี
ทฤษฎีของ Hero's Journey หรือที่เรียกว่าการผจญภัยของผู้กล้านั้น จะเริ่มจาก Call to Adventure หรือที่เรียกว่าเริ่มต้นผจญภัย และจบที่ Return ซึ่งเป็นการกลับมาพร้อมกับบางสิ่งบางอย่างจากการเดินทางที่ยาวนาน ผ่านจุดเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่ท้าทายในระหว่างนั้น
ดาน ฮาม่อนนั้นได้อธิบานแนวคิดโดยแบ่งทฤษฎี Hero's Journey ออกมาเป็น 8 ส่วนเพื่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยแบ่งเป็น 「1.YOU」「2.NEED」「3.GO」「4.SEARCH」「5.FIND」「6.TAKE」「7.RETURN」「8.CHANGE」ซึ่งทุกอย่างจะเดินวนกลับมาที่จุดเริ่มต้นเหมือนกับนาฬิกาที่เดินครบ 1 รอบ
ถ้าหากเรามองแบบง่ายๆ เป็น 2 ส่วน เรื่องราวมักจะกำหนดให้ตัวละครนั้นประสบความยากลำบากในช่วงต้น และสุดท้ายตัวเอกก็จะแข็งแกร่งขึ้น หรือปรับตัวให้ดีขึ้นได้ในภายหลัง
ซึ่งตัวเอกนั้นจำเป็นต้องผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก หรือว่าต้องท้าทายบางสิ่งบางอย่างทำให้ตัวเอกนั้นเติบโตขึ้น ซึ่ง 2 สิ่งนี้ก็มีในภาพยนตร์หรือนิยายทั้งนั้น
ซึ่งเราสามารถยกตัวอย่างได้จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง STAR WARS: Episode 4 มาเปรียบเทียบกับทฤษฎีอันนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
1. YOU [นำเสนอตัวเอก]
ฉากนี้จะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ 2 ตัวที่ต้องหนีจากการตามล่าจนมาพบกับตัวเอกของเรา Luke
2.Need [มีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง]
เป็นการแสดงให้เห็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัย อย่างที่ Luke ได้รับข้อความจากเจ้าหญิง เพื่อให้เขาเข้าร่วมกัน Jedi ที่ชื่อ Obi-Wan Kenobi เพื่อต่อสู้กับจักรวรรดิอันชั่วร้าย
3. Go [ก้าวข้ามจุดที่เปลี่ยนแปลง]
หลังจากที่จักรวรรดิได้ฆ่าครอบครัว ทำให้ Luke ตัดสินใจเข้าร่วมกับ Obi-Wan เพื่อช่วยเจ้าหญิง
4. Search [เส้นทางแห่งการทดลอง]
Luke ได้เริ่มเรียนรู้การใช้พลัง Force ในยานอวกาศ และวางแผนต่างๆ
5.Find [ค้นหาสิ่งที่ต้องการจะทำ]
ค้นหาเจ้าหญิง Leia บน Death Star และช่วยเหลือเธอออกมา
6. Take [ทำตามความที่ตั้งใจ]
Obi-Wan เสียสละตัวเอง เพื่อกลุ่มคณะได้หนีออกจาก Death Star
7. Return [นำกลับสู่ความตั้งใจครั้งใหม่]
หลังจากที่หนีการโจมตีจากยาน และกลับสู่ฐานของกองทัพกบฏทำให้พวกเขาเริ่มที่จะโจมตี Death Star
8. Change [เปลี่ยนแปลงตัวเอง]
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนใหม่ Luke ก็ได้พลัง Force และทำลาย Death Star ได้สำเร็จ
ฮาร์มอน นำเสนอว่าไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือนิยายก็ต่างใช้กฏนี้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งหากนำเรื่องทุกอันมาวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีที่ว่านี้ก็จะพบว่าเป็นจริงค่อนข้างมากเลยทีเดียว แม้ในใจของเราจะมองว่ามันเป็นสิ่งใหม่ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องที่เราไม่ได้สังเกตเห็นจนกระทั่งพบได้อ่านทฤษฎีนี้ ลองเอาไปวิเคราะห์กันดูนะว่าจริงมั้ย
ที่มา : http://gigazine.net/news/20161202-every-story-is-the-same/