รู้ปะ? มี 9 จุดปริศนาซ่อนอยู่ใน Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ

ปิดฉากซีรีส์ขวัญใจมหาชนตอนจบ Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 10 “The Winds of Winter” ไปอย่างสนุกสุดติ่งกระดิ่งลูกหมี มีเรื่องราวเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นมากมาย ไล่ตั้งแต่วีรกรรมวางระเบิดเพลิงล้างบาง ไฮ สแปร์โรว์ และไฮ เซพตัน ตัวแทนแห่งศาสนาศรัทธาธรรมจนไม่เหลือซาก แถมยังมีการเฉลยปริศนาทฤษฎีที่แฟนๆต่างคาดเดากันมานาน เรียกว่าเป็นซีซั่นที่จบตอนได้อย่างสมบูรณ์ เข้มข้น เต็มอิ่ม ไม่ปล่อยให้อารมณ์ค้างคาเหมือนซีซั่นที่ผ่านมา อิอิ …

สำหรับใครที่ได้รับชมกันไปแล้ว ไม่รู้ว่าได้สังเกตกันบ้างหรือไม่? เนื่องจากมีจุดเล็กๆน้อย รายละเอียดยิบย่อยที่แฝงอยู่ด้วย มาติดตามไปพร้อมกันเลยครัช อิอิ

1. ในไตเติ้ลเปิดซีรีส์ Game of Thrones ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลโบลตัน ถูกถอดออกจากปราสาทวินเทอร์เฟลแล้ว
หากจำกันได้ย้อนกลับไปในซีซั่น 4 หลังจากที่ แรมซีย์ สโนว์ บุกยึดและเผาปราสาทวินเทอร์เฟล นับแต่นั้นตราสัญลักษณ์คนไขว้ของตระกูลโบลตันก็ประดับอยู่บนยอดปราสาทวินเทอร์เฟลในไตเติ้ลเปิดซีรีส์ Game of Thrones มาโดยตลอด แต่หลังจาก จอน สโนว์ บุกยึดปราสาทวินเทอร์เฟลคืนได้สำเร็จในซีซั่น 6 ตอนที่ 9 "The Battle of the Bastards" พอมาถึงตอนที่ 10 “The Winds of Winter” ไตเติ้ลเปิดซีรีส์ก็เปลี่ยนจากสัญลักษณ์ตระกูลโบลตันมาเป็นรูปสุนัขป่าโลกันตร์ตระกูลสตาร์คเรียบร้อยครัช #ปรบมือรัวๆๆๆ

2. ฉายาของ จอน สโนว์ มีนัยสำคัญอยู่นะ
ใน Game of Thrones ซีซั่น 1 เมื่อครั้งที่ ร็อบบ์ สตาร์ค สถาปนาตนขึ้นเป็นราชันแดนเหนือ ชาวเหนือพร้อมใจกันเรียกเขาว่า "หมาป่าหนุ่ม" พอมาถึงซีซั่น 6 ตอนที่ลอร์ดไวแมน แมนเดอร์ลี สวามิภักดิ์ประกาศยกให้ จอน สโนว์ เป็นราชันแดนเหนือ เขาเรียก จอน สโนว์ ว่า "หมาป่าขาว" ฉายานี้ไม่ได้เรียกตามลักษณะทางกายภาพของเจ้าโกสต์ สุนัขป่าโลกันตร์เพื่อนรักของจอน สโนว์ เพียงเท่านั้น แต่ยังมีความหมายแฝงถึงสถานะการเป็นลูกนอกสมรสของ จอน สโนว์ไวท์ ด้วยละ ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนเชิงสัญลักษณ์ของตระกูลสตาร์ค ในข้อต่อไป…

3. ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลสตาร์ค จะเปลี่ยนไป?
ในแดนดินถิ่นเวสเทอรอส ลูกนอกสมรสที่ได้กลายเป็นผู้ปกครองประจำตระกูล จะต้องสลับสีตราสัญลักษณ์ประจำตระกูล ธรรมเนียมนี้มีความหมายเพื่อสื่อถึงสถานะความเป็นลูกนอกสมรสของคนๆนั้น เดิมทีสัญลักษณ์ประจำตระกูลสตาร์คเป็นรูปสุนัขป่าโลกันตร์สีเทาอยู่บนพื้นธงสีขาว หากทำตามธรรมเนียมดังกล่าว ธงของจอน สโนว์ จะต้องเป็นรูปสุนัขป่าโลกันตร์สีขาว บนผืนธงสีเทา เมื่อพิจารณาดูแล้ว การที่ จอน สโนว์ ได้เลี้ยงสุนัขป่าโลกันตร์สีขาวตั้งแต่แรก ดูเหมือนจะเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้า และยังแสดงว่าเป็นเส้นเรื่องที่ซีรีส์และนิยายปูเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้วนั่นเอง

4. อาร์ยา สตาร์ค เล่นบทสาวใช้ยังไม่เนียนพอ
แฟนซีรีส์ตาเหยี่ยวบางรายจับสังเกตได้ว่าสาวใช้ของเฒ่าเจ้าเล่ห์ วัลเดอร์ เฟรย์ มีพิรุธตั้งแต่ก่อนที่ อาร์ยา สตาร์ค จะเปิดเผยตัวตนเสียอีก เนื่องจาก อาร์ยา เธอได้รับการเลี้ยงดูมาแบบคนในตระกูลสูงศักดิ์ ที่ได้รับการสอนมาว่าให้เรียก ชาย หญิง ตระกูลสูงศักดิ์ด้วยกันว่า "My lord" และ "My lady" แต่พอเธอปลอมเป็นสาวใช้เดินเข้ามาเสิร์ฟพาย เธอเรียกเฒ่าตอแหลวัลเดอร์ เฟรย์ ว่า "My lord" ซึ่งวิธีการเรียกแบบนี้เป็นการเผยไต๋ว่าเธอไม่ใช่สาวใช้ต่ำต้อยแต่อย่างใด ทว่าไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์ มัวแต่หื่นอยู่เลยไม่ทันสังเกต ๕๕๕๕๕๕๕๕

อันที่จริง ไทวิน แลนนิสเตอร์คยสอนบทเรียนการเป็นสาวใช้ต่ำต้อยให้ อาร์ยา สตาร์ค มาแล้ว ในช่วงแรกของสงคราม 5 กษัตริย์ (War Of The Five Kongs) ใน Game of Thrones ซีซั่น 2 ในตอนนั้น อาร์ยา เดินทางมาพร้อมกับ ยอริน และคณะหน่วยพิทักษ์ราตรี ที่ลงมาเกณฑ์คนขึ้นเหนือทำหน้าที่ป้องกันผากำแพง ยอริน ช่วยแปลงโฉมตัดผมสั้นทำให้เธอเหมือนเด็กชายและตั้งชื่อใหม่ว่า อาร์รี (Arry) เพื่อปิดบังสถานะที่แท้จริงของเธอ แต่หลังจากเกิดเหตุปะทะกับกองทหารของตระกูลแลนนิสเตอร์ ทำให้คณะหน่วยพิทักษ์ราตรีโดนฆ่าตาย อาร์ยา หรือ อาร์รี และผองเพื่อน แม้จะหนีออกมาได้ แต่ต่อมาก็ถูกจับไปรวมอยู่กับกลุ่มเชลยในปราสาทฮาร์เรนฮอล และตอนนั้นเธอก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นเด็กรับใช้ทำหน้าที่รินไวน์ให้ ไทวิน แลนนิสเตอร์ ตอนนั้นเธอพูดคำว่า "My lord" แต่ ไทวิน จับพิรุธได้จึงบอกเธอว่า "เด็กสาวต่ำต้อยจะพูดว่า m'lord ไม่ใช่ My lord หากเจ้าคิดแสร้งทำตัวเป็นชาวบ้าน ก็ทำให้มันถูกต้องหน่อย" อย่างไรก็ตาม ตอนนั้น ไทวิน ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคือ อาร์ยา สตาร์ค รู้แค่ว่าเป็นเด็กในตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลหนึ่ง

5. อาร์ยา ล้างแค้น วัลเดอร์ เฟรย์ สื่อนัยถึง "นิทานหนูยักษ์"
ใน Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ ตอนที่ อาร์ยา สตาร์ค ปลอมเป็นสาวใช้มาเสิร์ฟพายที่ทำจากเนื้อหนังลูกชายของวัลเดอร์ เฟรย์ ทำให้เฒ่าเจ้าเล่ห์ วัลเดอร์ เฟรย์ ได้ลิ้มรสลูกชายตัวเอง เนื้อเรื่องส่วนนี้ได้รับการปรับเปลี่ยนจากหนังสือนิยายที่เอ่ยถึงเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับ "นิทานหนูยักษ์" หรือ "The Rat Cook" ขณะที่ในซีรีส์ได้เริ่มเกริ่นไว้แต่แรกใน Game of Thrones ซีซั่น 3 บอกใบ้ว่าเป็นเหตุการณ์วิวาห์เลือด (Red Wedding)

ในเหตุการณ์วิวาห์เลือด วัลเดอร์ เฟรย์ จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสระหว่าง เอ็ดมัวร์ ทัลลี กับ ลูกสาวคนหนึ่งของตระกูลเฟรย์ และได้เลี้ยงอาหารเป็นขนมปังกับเกลือ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการต้อนรับแขกผู้มาเยือนของชาวเวสเทอรอส แต่แล้ว วัลเดอร์ เฟรย์ ก็ร่วมมือกับ รูส โบลตัน สังหาร ร็อบบ์ กับ เคทลิน สตาร์ค และเหล่ากองทัพชาวเหนือ ตายเกลี้ยงในงานเลี้ยงนี้ เท่ากับเป็นการฆ่าล้างแขกผู้มาเยือนในสถานที่ของตัวเอง ละเมิดธรรมเนียมปฏิบัติการต้อนรับแขกที่มีมาช้านาน

หลังจากเกิดเหตุการณ์วิวาห์เลือดเพียงไม่นาน แบรนดอน สตาร์ค ก็เล่าเรื่องตำนานนิทานหนูยักษ์ให้ โจเจ็น กับ มีรา รีด ได้รับฟัง ดังต่อไปนี้

นิทานหนูยักษ์ในตำนานเล่าว่า… พ่อครัวของหน่วยพิทักษ์ราตรีคนหนึ่งต้องการจะแก้แค้นพระราชาชาวแอนดัลพระองค์หนึ่งที่ทำสิ่งไม่เป็นธรรมต่อตน เขาจึงฆ่าเจ้าชาย ซึ่งเป็นโอรสของพระราชาองค์นั้น และนำเนื้อของเจ้าชายไปอบเป็นพายชิ้นใหญ่ใส่หัวหอม แครอท เห็ด และเบคอน ในคืนนั้นพ่อครัวก็เสิร์ฟพายเนื้อเจ้าชาย ให้กษัตริย์ผู้เป็นพ่อของเจ้าชายได้เสวย ปรากฏว่าพอได้ลิ้มรสแล้ว พระราชาชื่นชอบพอพระทัยมากจึงมีรับสั่งขอพายเพิ่มอีกชิ้น ทว่าเมื่อทวยเทพรู้เข้า จึงทรงพิโรธสาปส่งให้พ่อครัวคนนั้นกลายเป็นหนูขาวตัวยักษ์ไล่กินลูกตัวเองแทน

พอเล่าจบ แบรน ก็อธิบายว่า ทวยเทพไม่ได้ลงโทษพ่อครัวให้เป็นหนูยักษ์ เพราะว่าเขาฆ่าเจ้าชาย หรือ ทำพายเจ้าชายให้พระราชาเสวย แต่ทวยเทพสาปพ่อครัวให้กลายเป็นหนูยักษ์ เพราะเขาฆ่าแขกผู้มาเยือนที่ร่วมรับประทานอาหารภายใต้ชายคาเดียวกัน นั่นเป็นสิ่งที่ทวยเทพไม่อาจให้อภัยได้

ธรรมเนียมปฏิบัติต่อแขกผู้มาเยือน (Guest Right) เป็นธรรมเนียมโบราณตั้งแต่ยุคสมัยของปฐมบุรุษ ที่มิอาจล่วงละเมิดต่อแขกผู้มาเยือน โดยหลักก็คือ เจ้าบ้านที่ร่วมดื่มกินกับแขกผู้มาเยือน ห้ามทำร้ายฆ่าฟันกันตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน หากฝ่าฝืนจะทำให้เหล่าทวยเทพทรงพิโรธ ในที่นี้รวมทั้งทวยเทพองค์เก่าและทวยเทพศรัทธาธรรมทั้งเจ็ด (ทวยเทพใหม่) ซึ่งกฎนี้เป็นที่ยอมรับแม้กระทั่งพวกหัวขโมย (robber lords) และพวกผู้ทำลาย (wreckers) ก็ยังปฏิบัติตาม

สำหรับ วัลเดอร์ เฟรย์ เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป ในที่สุด "กฎแห่งกรรม" ก็ตามทัน วัลเดอร์ เฟรย์ โดนลงฑัณฑ์ รับผลกรรมที่ทำไว้กับตระกูลสตาร์คและที่ลบหลู่ทวยเทพอย่างสาสมจากฝีมือของ น้องอาระยา อาร์ยา สตาร์ค

6. หอสมุดซิทาเดลมีไข่อีสเตอร์ ๕๕๕
Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ หลังจาก แซมอ้วน ได้เข้าไปในหอสมุดในหอคอยซิทาเดล เขาตื่นตะลึงกับคลังหนังสือกว้างใหญ่ไพศาล แต่ที่โดดเด่นดึงความสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ โคมระย้าใหญ่บึ้มที่แขวนอยู่กลางห้องนี้ที่สร้างขึ้นเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ให้กระจายไปทั่วห้อง แต่หากดูดีๆนี่มัน ไข่อีสเตอร์ (Easter Egg) !!!

นับตั้งแต่มีซีรีส์มา 6 ปี ในที่สุดก็เฉลยแล้วว่าโคมระย้ากลางหอสมุดดังกล่าวมีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับวงแหวนที่ปรากฏในไตเติ้ลของซีรีส์ Game of Thrones (คุ้นๆมั้ย?) นี่มัน Easter Egg ชัดๆ อิอิ สำหรับรูปทรงลักษณะของวงแหวนโคมระย้ายักษ์นี้เป็นไปได้ว่าจะสื่อความถึงสัญลักษณ์แห่งคลังความรู้ขนาดใหญ่ในหอคอยซิทาเดล ซึ่งรวบรวมหนังสือ ศาสตร์วิชา เอกสารประวัติศาสตร์ต่างๆทั่วโลกเอาไว้

7. ทอมเมน ตายคาชุดสีทองตามคำทำนาย
Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 10 The Winds of Winter ย้อนเรื่องราว Game of Thrones ซีซั่น 5 ตอนที่ 1 ที่เปิดเผยคำทำนายจากแม่มดแม็กกี้ ที่ดูดวงชะตาให้ เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ และบอกว่า "เซอร์ซี จะมีลูก 3 คน พวกเขาจะได้สวมมงกุฎทองคำ ทองคำจะเป็นผ้าห่อศพพวกเขา" และแล้วคำทำนายก็เป็นจริง หลังจาก เซอร์ซี สั่งวางระเบิดฆ่าล้างเหล่านักบวชศรัทธาธรรมไปพร้อมๆกับขุนนางสูงศักดิ์ รวมทั้งราชินีมาเจอรี ไทเรล ตายตกตามกัน ทำให้อดีตพระราชาทอมเมน ซึ่งเป็นลูกคนที่ 3 คนสุดท้ายของเซอร์ซี ที่ในขณะนั้นสวมชุดลายสีทอง ตัดสินใจกระโดดหอคอยตายคาชุดทอง ตรงตามคำทำนายเป๊ะ

8. "ซานซา กับ เจ้านิ้วก้อย" ย้อนรำลึก "เคทลิน กับ เน็ด สตาร์ค"
ใน Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ มีฉากที่ เจ้านิ้วก้อย เดินมาพูดคุยกับ ซานซา สตาร์ค ที่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นเวียร์วูด เป็นฉากที่เหมือนสะท้อนภาพย้อนรอยล้อเหตุการณ์ตอนที่ เคทลิน สตาร์ค เดินมาคุยกับ เน็ด สตาร์ค ใน Game of Thrones ซีซั่น 1 แบบเดียวกันเป๊ะ แต่ในตอนนั้น เคทลิน มาแจ้งข่าวให้ เน็ด รับรู้ถึงการตายของจอน แอร์ริน สามีของน้องสาวเธอ ไลซา แอร์ริน

หากยังจำกันได้ อันที่จริง เจ้านิ้วก้อยปีเตอร์ เบลิช เป็นคนเป่าหูยุยงให้ ไลซา แอร์ริน วางยาสามีตัวเอง แล้วใส่ความว่าตระกูลแลนนิสเตอร์เป็นคนทำ จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างตระกูลสตาร์ค กับ ตระกูลแอร์ริน แถมยังเป็นคนหักหลัง เน็ด สตาร์ค ให้โดนจับกุมและถูกสั่งประหารในที่สุด เรียกได้ว่า เจ้านิ้วก้อยนี่แหละที่เป็นตัวเสี้ยมอยู่เบื้องหลังและนำความฉิบหายมาสู่ตระกูลสตาร์คตั้งแต่ต้น … อยากรู้ว่าหาก ซานซา ได้รู้ความจริง เธอจะแก้แค้นจัดการเจ้านิ้วก้อย ยังไง ???

9. วาริส ติดจรวด !!!
Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนจบ กลายเป็นประเด็นให้จิกกัดกันสนุก เนื้อเรื่องก่อนหน้านี้ วาริส แอบเดินทางไปยังแคว้นดอร์น เพื่อเจรจาจับมือเป็นพันธมิตรกับ เจ้าหญิงเอลลาเรีย แซนด์ และ คุณยายโอเลนน่า ไทเรล แต่ไฉนในตอนจบของซีรีส์ วาริสถึงปรากฏตัวอยู่บนกองเรือรบเคียงข้างขุ่นแม่มังกรแดเนริส มุ่งหน้าสู้อาณาจักรเวสเทอรอสไปพร้อมกัน…อันที่จริงระยะทางระหว่างนครมิรีน กับ แคว้นดอร์น ค่อนข้างไกลกันพอตัว ราวๆ 2,000-3,000 ไมล์ (ถ้าเป็นไมล์บก ราวๆ 3,218 – 4,827 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นไลม์ทะเล ก็ราวๆ 3,710 – 5,565 กิโลเมตร) … ทำไม วาริส ถึงเดินทางได้รวดเร็วขนาดนี้ ? น่าฉงนยิ่งนัก อิอิ

อันที่จริง วาริส ไม่ได้หายตัวได้ และไม่ได้นั่งเครื่องบินเจ็ทหรอกครัช แต่ซีรีส์ย่นระยะเวลาการเดินเรื่องให้กระชับสั้นลงราวๆ 2-3 อาทิตย์ นอกจากกองเรือรบตระกูลเกรย์จอย สังเกตได้ว่ามีกองเรือรบจากแคว้นดอร์นชูธงสัญลักษณ์หอกทิ่มพระอาทิตย์บนผืนธงสีส้ม และกองเรือรบจากตระกูลไทเรลชูธงสัญลักษณ์กุหลาบทองบนผืนธงสีเขียว มาร่วมทัพกองเรือรบของขุ่นแม่มังกรแล้ว หมายความว่า วาริส มาพร้อมกองเรือรบของสองตระกูลนี้ และมันต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะมาสมทบกันที่นครมิรีนแห่งนี้

 

นี่คือรายละเอียดยิบย่อยที่อยู่ใน Game of Thrones ซีซั่น 6 ตอนที่ 10 The Winds of Winter เพียงตอนเดียวเท่านั้น แต่เมื่อพิจารณาดูจะเห็นว่ามีการเชื่อมโยงร้อยเรียงเรื่องราวกันไว้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนจุดที่ วาริส เดินทางข้ามทวีปได้อย่างรวดเร็ว เป็นความตั้งใจของผู้สร้างที่ต้องการจะย่อย่นซีรีส์ให้กระชับสั้นลงเท่านั้น อิอิ (แต่ขัดใจแฟนๆซีรีส์เบาๆ ๕๕๕)

ส่วนจุดที่น่าติดตามกันต่อก็คือ ธงสัญลักษณ์ประจำตรกูลสตาร์ค จะเป็นไปตามธรรมเนียมที่ระบุหรือไม่? ต้องติดตามใน ซีรีส์ Game of Thrones ซีซั่น 7 กำหนดออกอากาศคร่าวๆราวกลางปี 2017 ทางช่อง HBO HD (ทรูวิชั่นส์ 223)

Credit: http://script.today/script2/newsDetail?id=29364

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้