แม้ว่าหลายๆ คนจะรู้อยู่แล้วว่าการเห็นพระจันทร์เป็นรูปเสี้ยว หรือเต็มดวงนั้นเป็นเพราะเงาของโลกเราไปพาดผ่านทับดวงจันทร์ อันเกิดขึ้นเนืองจากดวงจันทร์นั้นไปทำมุมอยู่ด้านหลังของโลก ซึ่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์เรียกข้างขึ้น ข้างแรมที่เรารู้จักกัน
แต่ทาง NASA เองก็เคยอยากรู้ว่าด้านหลังของดวงจันทร์นั้นเช่นกันเพราะว่าดวงจันทร์ที่เราเห็นนั้นจะหันด้านหน้าให้กับโลกอยู่เสมอ ส่วนอีกฟากนึงเราแทบจะไม่เคยเห็นมันเลย จึงเป็นที่มาว่าถ้าเรามองในมุมของดวงจันทร์แทนล่ะ จะเป็นอย่างไร? ก็เลยเป็นที่มาของการจำลองอนิเมชั่นเพื่อจำลองการเคลื่อนไหวโดยที่มีดวงจันทร์เป็นศูนย์กลาง และให้โลก และดวงอาทิตย์นั้นหมุนรอบดวงจันทร์แทน เพื่อศึกษาหาข้อมูลในรูปแบบต่างๆ กัน พร้อมทั้งไขปริศนาด้านหลังของดวงจันทร์ไปด้วยในตัว
ซึงจากการจำลองสามาถไขข้อข้องใจของหลายๆ คนเกี่ยวกับ "ด้านมืดของดวงจันทร์" เพราะว่าการสำรวจก่อนหน้านี้ดวงจันทร์นั้นหันหน้าให้โลกเพียงด้านเดียว จึงทำให้หลายๆ คนเข้าใจว่าด้านหลังดวงจันทร์จะเป็นส่วนที่มืดตลอดเวลา และเป็นสิ่งที่ลี้ลับ แต่ภาพเคลื่อนไหวที่ทาง NASA จัดทำขึ้นทำให้ความเข้าใจดวงจันทร์นั้นต้องมีใหม่เลยทีเดียว เพราะว่าดวงจันทร์นั้นไม่ได้มืดเสมอไป ยังมีส่วนที่ได้แสงเช่นกัน
และนี่ก็เป็นภาพถ่ายจากยานสำรวจดวงจันทร์ LRO (Lunar Reconnaissance Orbiter) ที่ถูกส่งขึ้นไปเมื่อปี 2009 และรับข้อมูลมากกว่า 15 ปีเพื่อสร้างข้อมูลจำลอง 3 มิติอันนี้ขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นจุดดำขนาดใหญ่บนดวงจันทร์ที่เรียกว่า "มาเรีย" และเป็นฟากที่เห็นร่องรอยของอุกกาบาตที่พุ่งชนมากที่สุด จนเรียกได้ว่าเป็นร่องรอยที่ใหญ่ที่สุดของระบบสุริยะเลยก็ว่าได้