ทุกๆ วันนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศออกมาเรื่อยๆ แต่ก็มีบางเรื่องที่มีการค้นพบจากการศึกษาข้อมูลในอดีตมาจนถึงปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ก็ยิ่งค้นพบเรื่องราวที่แปลกและน่าสนใจขึ้นมาอีกมากมาย และแน่นอนว่าหลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้ หรือเป็นเรื่องแปลกที่ไม่น่าเชื่อก็เป็นได้
ดาวเสาร์เบาจนลอยน้ำได้
จากการศึกษาพบว่าดาวเคราะห์บางดวงในระบบสุริยะของเรานั้นเกิดขึ้นจากการจับตัวของกลุ่มก๊าซ แต่รู้หรือไม่ว่าดาวเสาร์ที่ใหญ่โตมโหฬารนั้นมีน้ำหนักเบาขนาดที่ว่าสามารถลอยตัวอยู่บนน้ำได้สบายๆ เพราะมีความหนาแน่นของดาวแค่เพียง 0.687 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตรเท่านั้นเอง ในขณะที่ความหนาแน่นของน้ำอยู่ที่ 0.998 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร จึงทำให้ดาวเสาร์มีขนาดที่เบาอย่างเหลือเชื่อ
มีน้ำบนดาวอังคาร
ดาวอังคารยังคงเป็นดาวปริศนาต่อไป เพราะเมื่อมีแหล่งน้ำย่อมหมายความว่าที่นั่นต้องมีสิ่งมีชีวิต ก่อนหน้านี้ก็มีการค้นพบความสำคัญเกี่ยวกับน้ำแข็ง ในพ.ศ.2545 แต่ก็ไม่มีใครนึกภาพออกว่ามันอยู่ในสภาวะเหลวได้อย่างไร อีกทั้งยังมีการพบร่องรอยที่เป็นทางน้ำไหล แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายก็ยังคงไม่มั่นใจและต้องการข้อมูลมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ยานอวกาศโอเดเซย์(Odyssey ของนาซ่า) ก็ยังคงโคจรรอบดาวอังคาร เก็บหลักฐานมาเรื่อยๆ ต่อไป
ดวงจันทร์เคลื่อนตัวห่างออกจากโลกปีละ 3.8 cm
ดวงจันทร์ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างที่ใคร ๆ คิดกันหรอก เพราะในทุก ๆ ปีดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวห่างจากโลกออกไปราว ๆ 3.8 เซนติเมตรต่อปี สาเหตุนั้นก็สืบเนื่องมาจากที่โลกหมุนรอบตัวเองเร็วกว่ารอบโคจรของดวงจันทร์ ซึ่งแรงกระทำดังกล่าวเป็นแรงกระทำเดียวกับที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำขึ้นน้ำลงนั่นเอง นอกจากนี้ยังทำให้โลกโคจรรอบตัวเองช้าลง 0.002 วินาทีทุก ๆ ศตวรรษด้วย แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าดวงจันทร์จะเคลื่อนตัวออกจากโลกเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายไปจากการเป็นบริวารของโลกได้ง่าย ๆ เพราะการเคลื่อนที่ออกจากโลกปีละเพียง 3.8 เซนติเมตรนั้นช่างน้อยนิดจนเรียกได้ว่า อีกล้านปีก็ยังไม่มีผลกระทบใด ๆ กับโลกเลย
ส่วนสูงของเราจะเพิ่มขึ้น 2 นิ้วหากอยู่บนอวกาศ
ไม่ว่าเป็นใครก็ตามหากได้ขึ้นไปอยู่ในห้วงอวกาศแล้ว ความสูงของคุณจะเพิ่มขึ้น 2 นิ้วทันที นั่นเป็นเพราะว่าในห้วงอวกาศไม่มีแรงดึงดูด ส่งผลให้กระดูกสันหลังของเรายืดตัวได้ยาวยิ่งขึ้น แต่อย่าเพิ่งดีใจไปว่า ความสูงจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต เพราะหลังจากที่คุณกลับมาบนพื้นโลกแล้ว ความสูงของคุณก็จะหดกลับมาเท่าเดิม
ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะอาจหายไปอีก 2 ดวง
ก่อนหน้านี้ก็มีการตัดดาวพลูโตออกจากระบบสุริยะไปรอบนึงแล้ว ล่าสุดก็มีภาพน่าประหลาดใจเมื่อนักวิทยาศาสตร์สร้างภาพจำลองคอมพิวเตอร์ครั้งล่าสุด ใส่ทฤษฎีเก่าแก่ที่ยอมรับกันมาหลายทศวรรษ ที่บอกว่าระบบสุริยะของเราเกิดได้อย่างไร แต่แล้วคอมพิวเตอร์กลับให้แผนภาพที่มีแค่ดาวเคราะห์ 7 ดวง?!
ซึ่งดาวเคราะห์ที่หายไปคือยูเรนัสและดาวเนปจูน ปัญหาเกิดขึ้นเพราะแบบจำลองมาตรฐานของการเกิดดาวเคราะห์ต้องการมวลมาชนกันและยึดติดกันแน่นหลายล้านปี เมื่อแกนใหญ่เกิดขึ้น ก๊าซถูกดึงเพื่อสร้างดาวเคราะห์ใหญ่อย่างดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ แต่ไกลกว่านั้นตรงที่เนปจูนและยูเรนัสอยู่กลับไม่มีมวลมากพอจะสร้างดาวเคราะห์ใดได้
นักทฤษฎีอลัน บอสส์ จากสถาบันคาร์เนจีที่วอชิงตันให้ความคิดใหม่เรื่องกลไกที่สร้างดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง บอสส์นึกภาพดาวเคราะห์ใหญ่ทั้งสี่ในระบบสุริยะของเรา ที่ไม่ได้มีวิวัฒนาการมาจากแกนหิน เมื่อใช้แบบจำลองมาตรฐาน แต่มันยุบตัวจากก้อนก๊าซใหญ่และก้อนฝุ่น การแก้ปัญหา บอสส์จำต้องให้ระบบสุริยะเริ่มแรกของเราอยู่ในส่วนอื่นของอวกาศ เขาเลือกบริเวณที่ดาวเกิดกันหนาแน่น บริเวณแบบนี้รังสีเหนือม่วงจากดาวดวงใกล้ๆ แผ่ออกไปผลักมวลออกจากยูเรนัสและเนปจูนจนมีน้ำหนักน้อยลงเหลือเท่าที่เห็น ต่อมาระบบสุริยะได้เดินทางจากที่วุ่นวายนั้นมายังบริเวณในปัจจุบัน อันเป็นที่น่ารื่นรมย์ในดาราจักร ความคิดทั้งหมดดูดี แต่นักดาราศาสตร์อื่นสงสัย เรามีทฤษฎีเก่าแก่ที่ทำงานได้ไม่ดีนัก และมีทฤษฎีใหม่จากความคิดที่รุนแรงและกว้างไกลกว่าอีกมาก และปริศนาการเกิดระบบสุริยะจักรวาลก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
ดวงอาทิตย์กำลังหดตัว
ทุก ๆ การปะทุของลมสุริยะที่พวยพุ่งออกจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์แต่ละครั้ง จะสูญเสียมวลรวมไปราว ๆ 2 ล้านกิโลกรัมต่อวินาที คล้ายกับคนที่กำลังอดอาหารแล้วต้องสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปนั่นแหละ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะบนดวงอาทิตย์จะเกิดลมสุริยะมาแล้วกี่ครั้งกี่ครา แต่ทว่าดวงอาทิตย์ก็ยังคงมีขนาดที่ใหญ่โตและสามารถให้แสงสว่างได้อยู่เสมอ
ทำไมดวงจันทร์ถึงเรืองแสงได้
ในระหว่างที่โครงการอพอลโลอยู่ในช่วงปฏิบัติภารกิจ นักบินอวกาศได้รายงานว่า มีแสงสลัวส่งประกายออกมาจากดวงจันทร์คล้าย ๆ กับอากาศในชั้นบรรยากาศ แต่ทว่าดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศอย่างเช่นโลกของเรา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ให้คำอธิบายว่า แสงดังกล่าวน่าจะเป็นแสงสะท้อนจากอนุภาคเล็กที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นผิวดวงจันทร์ ไม่ใช่การเรืองแสงแต่อย่างใด
1 วันของดาวศุกร์เท่ากับ 243 วันของโลก
ระยะเวลาโคจรรอบตัวเองของดาวศุกร์กินเวลานานร่วมปี หรือราว ๆ 243 วัน ในขณะที่ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์เพียง 225 วันเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นดาวเคราะห์ที่มีลักษณะการหมุนแตกต่างไปจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ เพราะดาวศุกร์จะหมุนวานตามเข็มนาฬิกา ในขณะที่ดาวที่เหลือหมุนทวนเข็มนาฬิกา
ของเหลวจะเปลี่ยนเป็นทรงกลมเมื่ออยู่บนอวกาศ
ตามทฤษฎีของวิทยาศาสตร์ รูปร่างของของเหลวจะเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ แต่เมื่อของเหลวอยู่ภายใต้สภาวะไร้น้ำหนัก หากกระเซ็นออกมาจากภาชนะหรือร่างกายของคน ก็จะแปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นทรงกลมทันทีภายใต้ผิวน้ำที่เรียบตึงราวกับมีพลาสติกห่อหุ้มอยู่
ที่มา : allmysteryworld.blogspot.com/