อันนี้พอดีไปค้นหาเรื่องแปลกๆ อ่านก็ไปเจอเรื่องกองพันผีเข้า ก็เลยอยากเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับกองพันลับสุดยอด ที่จนสงครามจบมาแล้วถึง 50 ปี จึงจะเปิดเผยความลับของการมีตัวตนของกองพันนี้ และต้องบอกว่ากองพันนี้ลับขนาดที่ว่าคนที่รู้จะมีเพียงนายทหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องเพียงไม่กี่คน กับคนในกองพันทั้ง 1,100 คนเท่านั้น เรียกว่าลับสุดๆ แต่ถ้าไม่ลับขนาดนี้ปฏิบัติการแบบนี้จะต้องพลาดอย่างแน่นอน ว่าแล้วก็มาอ่านเรื่องราวของกองพันผีกัน
กองพันผี (Ghost Army)
กองทัพสหรัฐคัดเลือกจิตรกร นักออกแบบ นักสร้างสรรค์งานโฆษณาและศิลปินสาขาต่างๆกว่า 1,100 คน เพื่อบรรจุเป็นทหารประจำหน่วยรบพิเศษทำหน้าที่ข่มขวัญและเบี่ยงเบนความสนใจ ของทหารเยอรมัน ภายใต้ปฏิบัติการลับสุดยอดที่ ต่อมารู้จักกันในชื่อ “กองพันผี”
หนึ่งในสมรภูมิรบที่สำคัญที่สุดในสงครามโลก ครั้งที่ 2 คือการรบที่นอร์มังดี (Normandy) ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 6 มิถุนายน 1944 กองทัพฝ่ายพันธมิตรยกพลขึ้นบกแต่ถูกเยอรมันตอบโต้อย่างดุเดือด การเคลื่อนย้ายกำลังพลเป็นไป อย่างยากลำบาก ทหารเยอรมันนับแสนๆคนกระจายกันอยู่ตามเมืองสำคัญๆ อีกทั้งยังมีหน่วยสอดแนมคอยส่งข่าวให้รู้ ความเคลื่อนไหวของฝ่ายพันธมิตร การจะเข้ายึดเมืองสำคัญๆ คืนจากฝ่ายเยอรมันย่อมต้องเกิดการปะทะและการสูญเสีย ทหารจำนวนมาก วิธีการเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียคือการทำให้พวกเขายอมแพ้แต่โดยดี หรืออย่างน้อยก็ต้องเบี่ยงเบนความสนใจ ล่อทหารเยอรมันออกจากเมืองให้ได้ แต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องใช้กำลังพลและยุทธปัจจัยจำนวนมหาศาล
เมื่อไม่มีทรัพยากรมากมายขนาดนั้น สิ่งที่สหรัฐทำคือการสร้างภาพลวงตาให้ทหารเยอรมันเชื่อว่ากองทัพฝ่าย
พันธมิตรจำนวนมหาศาลกำลังบุกเข้าโจมตี หน้าที่นี้จึงตกเป็นของบรรดาศิลปินและนักสร้างสรรค์งานโฆษณาประชาสัมพันธ์
กองทัพไร้อาวุธ
สหรัฐทำการ คัดเลือกศิลปินสาขาต่างๆ จากมหาวิทยาลัยและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จิตรกร นักแสดง นักออกแบบ ช่างทำฉาก วิศวกรด้านภาพและเสียงได้ทั้งหมดราว 1,100 คน พวกเขาถูกบรรจุให้เป็นทหารหน่วยรบพิเศษ กองบัญชาการที่ 23 (23rd Headquarters Special Troops)
ทหารหน่วยรบพิเศษถูกแบ่งหน้าที่ออกเป็น หน่วยย่อยตามความถนัดคือแผนกสร้างภาพลวงตา แผนกเสียง แผนกบทละครและแผนกสร้างบรรยากาศ ทหารเพียงหน่วยเดียวที่เป็นทหารจริงๆ คือทหารช่างทำหน้าที่คุ้มกันหน่วยรบพิเศษแต่ละแผนกมีความสำคัญเท่าๆ กันที่จะทำให้ทหารเยอรมันตกหลุมพรางและพ่ายแพ้ในที่สุด
แผนกสร้างภาพลวงตา (Visual Deception)
ทำหน้าที่สร้างยาน พาหนะ รถจี๊บ รถถัง รถหุ้มเกราะ และเครื่องบิน โดยตอนแรกพวกเขาทดลองสร้างจากผ้าใบและ ไม้อัด แต่มันดูไม่ค่อยเหมือนของจริงสักเท่าไรนัก หากความแตก ทหารเยอรมันจับได้ละก็เป็นโดนถล่มเละเป็นโจ๊กทั้งกองพันแน่ๆ ต่อมาภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ยางซึ่งสามารถบิดงอได้ตามรูปทรงที่ต้องการ เมื่อทาสีเติมเครื่องหมายต่างๆ ลงไป มองไกลๆไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันเป็นของปลอม
แผนกเสียง (Sonic Deception)
ทำหน้าที่สร้างซาวนด์เอฟเฟ็ค เสียงเครื่องยนต์ เสียงการเคลื่อนพล โดยเสียงทั้งหมดทำการบันทึกโดยวิศวกรของ
เบลล์แลบ (Bell Lab) บริษัทที่ชำนาญช่ำชองทางด้านการสื่อสารด้วยเสียง แต่สมัยนั้นยังไม่มีเทปบันทึกเสียง การ บันทึกจึงใช้ระบบสายแม่เหล็ก (Wire Record) ซึ่งเป็นระบบการบันทึกเสียงที่ทันสมัยที่สุดในยุคสมัยนั้น เสียงต่างๆ สามารถนำมาผสมผสานกันตามที่ต้องการ
แผนกบทละคร (Radio Deception)
ทำหน้าที่เขียนบทพูดและ ติดต่อสื่อสาร ส่งข่าวกับทหารหน่วยอื่นๆเพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายเยอรมันเข้าใจผิดในขณะที่ข้อ ความที่ต้องการสื่อสารกันจริงๆส่งด้วยรหัสมอร์ส (Morse Code)
แผนกสร้างบรรยากาศ (Atmosphere)
ทำหน้าที่สร้างรายละเอียด เล็กๆน้อยๆเพื่อความสมจริงสมจัง และสร้างตำแหน่งลวงเบี่ยงเบนความสนใจของทหาร เยอรมันไปจากจุดที่ล่อแหลมต่อ การถูกโจมตี
อ้างอิงจากพ่อมดเมืองมายา
หลายคนคงเคยอ่านนิทานเรื่องศรีธนญชัยตอน สร้างเจดีย์ ซึ่งมีใจความคร่าวๆ ว่ากาลครั้งหนึ่งชาว
พม่าได้มาท้าแข่งขันสร้างเจดีย์กับคน ไทย ภายในเวลา 30 วันใครสามารถสร้างเจดีย์ได้สูงกว่าเป็นผู้ชนะ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าชาวพม่านั้นชำนาญการก่อสร้างเจดีย์เป็นพิเศษ ยากที่จะเอาชนะได้ศรีธนญชัยขันอาสามากู้หน้าคนไทย
เมื่อถึงวันกำหนดการแข่งขัน ศรีธนญชัยก็เลือกพื้นที่สร้างเจดีย์ห่างจากจุดที่พม่าเลือก แต่นอกจากนั้นแล้วก็ไม่ทำอะไรเลยในขณะที่ชาวพม่าเริ่มลงมือสร้างตั้งแต่วัน แรกเมื่อถึงสัปดาห์สุดท้ายของการแข่งขัน ศรีธนญชัยก็สั่งให้ช่างนำผ้ามากั้นบังตาสถานที่ก่อสร้าง จากนั้นก็ให้ช่างใช้ไม้ไผ่สร้างโครงร่างเจดีย์ให้สูงกว่าเจดีย์ที่พม่าสร้าง จนถึงวันสุดท้ายก็นำผ้าขาวมาคลุมโครงไม้ไผ่แล้วนำผ้าม่านบังตาออก เมื่อมองไกลๆจะเหมือนกับเจดีย์สีขาวสูงตระหง่าน ชาวพม่าตื่น ตกใจที่คนไทยสามารถสร้างเจดีย์ที่สูงกว่าด้วยเวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น
หน่วยรบพิเศษ กองบัญชาการที่ 23 ก็ใช้วิธีการเดียวกันนี้ในการตบตาทหารเยอรมัน ทั้งๆที่หน่วยรบพิเศษหน่วยนี้มีแต่ศิลปิน นักแสดง นักออกแบบและคนโฆษณา พวกเขาไม่ได้รับการฝึกฝนทางด้านทหารเลยแม้แต่น้อย หน้าที่ของเขาคือการสร้างภาพลวงตา ไม่ได้มีกองกำลังทหารหรืออาวุธสงครามเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น พวกเขาจึงถูกขนานนามว่าเป็น “กองพันผี” (Ghost Army)
ทัพหลวงเคลื่อนกำลังพลการหลอกล่อเป็นไปแบบเป็นขั้นเป็นตอนมีแบบแผน เมื่อมีการส่งกำลังพลมายังฝรั่งเศส
แผนกสร้างบรรยากาศจะล่อทหารเยอรมันไปยังจุดอื่นด้วยการสร้างความอึกทึกในทิศ ทางตรงกันข้ามเหมือนมีการยก พลขึ้นบกจำนวนมาก เมื่อถึงรุ่งเช้าก็จะนำรถบรรทุกคลุมผ้าใบมีรถถังรถหุ้มเกราะคุ้มกันจำนวน 10 คันเคลื่อนพลเป็น ขบวนไปตามถนน
ภายใต้ผ้าใบบนรถบรรทุกนั้นว่างเปล่า รถบรรทุกแต่ละคันมีเพียงนักแสดงแค่ 2 คนนั่งติดกับท้ายรถเท่านั้น เพียงแต่ไม่มีใครรู้นอกจากทหารกองพันผีเท่านั้นที่รู้ เมื่อขบวนเคลื่อนที่ไปจนถึงที่ลับตาคน พวกเขาก็จะขับรถอ้อมกลับ
มาที่จุดเริ่มต้น ทำการเปลี่ยนเครื่องหมายบนรถให้ดูเหมือนเป็นพาหนะจากหน่วยรบอื่น แล้วนำขบวนขับออกถนนไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้สัก 2-3 ครั้ง หน่วยสอดแนมของเยอรมันก็คิดว่ามีการเคลื่อนกำลังพลจำนวนมาก
ตำแหน่งที่ใช้เป็นกองบัญชาการมีรถถัง รถหุ้มเกราะจำนวนมากจอดอยู่ หากแต่มันล้วนแล้วแต่เป็นรถถังปลอมทำจากยางเป่าลมทั้งนั้น พวกเขาสร้างแม้กระทั่งสนามบินและเครื่องบินยางหลอกตาทหารเยอรมัน บนดินรอบๆกอง
บัญชาการมีรอยตีนตะขาบรถถังจำนวนมาก ซึ่งสร้างโดยนำรถถังจริงๆที่มีอยู่เพียงไม่กี่คันขับวนไปวนมาและรอบๆที่พักมีเสื้อผ้าชุดทหารจำนวนมากแขวนตากอยู่บนราว
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ ฉันใดก็ฉันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าฝ่ายเยอรมันตกหลุมพราง กองพัน
ปิศาจจัดนักแสดงแต่งกายเป็นนายทหารยศสูงเดินทางเข้าไปในเมือง เป็นที่ทราบกันดีว่านายทหารยศสูงมักจะอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญๆเท่านั้น นักแสดงเหล่านี้จะกลับมาที่ค่ายเช่นเดียวกับการสร้างภาพลวงตาขบวนรถ พวกเขาเปลี่ยนเครื่องหมายหน่วยบนแขนเสื้อและกลับเข้าไปในเมืองทำให้ดูเหมือน มีทหารมาจากหลายหน่วยประจำการอยู่ใน
ละแวกนั้น
เมื่อถึงเวลาค่ำหน่วยสร้างบรรยากาศนำรถ ถังยางไปวางบนถนนที่มุ่งหน้าไปในทิศตรงกันข้ามกับการ เคลื่อนพลจริงเปิดเครื่องบันทึกเสียงให้เหมือนกับเครื่องยนต์กำลังเดินเครื่อง มีการเคลื่อนพลจำนวนมากออกจากพื้นที่
ปฏิบัติการเสี่ยงตายกองพันผีออกปฏิบัติการทั้งหมด 21 ครั้ง สามารถหลอกล่อทหารเยอรมันไปจากตำแหน่งที่ล่อ
แหลม ทำให้กองกำลังทหารฝ่ายพันธมิตรสามารถเคลื่อนพลเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์ที่ สำคัญๆได้ แต่ปฏิบัติการของกอง พันปิศาจนั้นเหมือนเป็นการเอาตัวเองล่อเป็นเป้า เหตุการณ์ที่เกือบจะเอาตัวเองไม่รอดครั้งหนึ่งคือปฏิบัติการเบ็ตเตมบอร์จ (Operation Bettembourg)
วันที่ 21 กันยายน 1944 กองพันผีได้รับคำสั่งให้ไปช่วยกองทหารที่พยายามจะข้ามแม่น้ำโมเซลเล ในเมืองเมตซ์
(Metz) แต่ถูกกองกำลังฝ่ายเยอรมันจำนวนมากยันเอาไว้ กองพันผีมีหน้าที่สร้างภาพว่าเคลื่อนกำลังพล 20,000 นายพร้อมรถถังจำนวนมากมายังพื้นที่ รถถังยางถูกนำมาตั้งให้เห็นบนท้อง ถนน ฝ่ายสร้างบรรยากาศเปิดเครื่องบันทึกเสียงสร้างภาพลวงตาว่ามีรถถังหลาย ชนิด จำนวนมากกำลังเคลื่อนพลมายังจุดปะทะ นักแสดงชุดหนึ่งติดเครื่องหมายทหารยานเกราะออกเดินทางไปตามแหล่งสถานบันเทิง คุยโวว่าเป็นทหารหน่วยยานเกราะ
ปฏิบัติการสร้างภาพดำเนินติดต่อกัน 3 วัน แต่ดูเหมือนฝ่ายเยอรมันจะยังคงยึดที่มั่นยันทหารฝ่ายพันธมิตรไม่ให้ข้ามแม่น้ำโมเซลเลไปได้ กองพันผีเริ่มใจคอไม่ดี หากเยอรมันจับได้ว่าไม่มีทหารยานเกราะ 20,000 นายเคลื่อนพลมายังจุดปะทะ อย่าว่าแต่ทหารพันธมิตรที่กำลังรอความช่วยเหลือ พวกกองพันผีเองก็คงเน่าด้วยเหมือนกัน แต่แล้วเมื่อถึงวันที่ 4 ทหารเยอรมันกลัวว่าหน่วยยานเกราะกำลังใกล้เข้ามาจริงๆ พวกเขาระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำ
และทิ้งเมืองหนีเอาตัวรอด ท่ามกลางความโล่งใจของกองพันผีที่สามารถปฏิบัติการสำเร็จ
หน่วยรบพิเศษกองพันผีทั้ง 1,100 คน ได้ให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่เปิดเผยความลับให้ผู้อื่นล่วงรู้แม้ว่าฝ่าย
พันธมิตรจะได้รับชัยชนะในสงครามแล้วก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดจึงถูกปกปิดนานถึง 50 ปี จนกระทั่งเอกสารลับหมดอายุตามกฎหมาย เรื่องราวของกองพันผีจึงถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1996
ที่มา
en.wikipedia.org/wiki/Ghost_Army
atcloud.com