หลังจากที่เมื่อวานผมได้ก่อวีรกรรมที่อาจทำให้หลายๆ คนชอกช้ำใจกันไปแล้ว ในวันนี้ผมจะขออุทิศชีวิตเพื่อไถ่บาปด้วยการเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับภัยอันตรายของมวลมนุษยชาติอย่างเราๆ ซึ่งในตอนนี้หลายคนเริ่มตื่นตัวกับความเป็นจริงที่ว่า "ช้างเป็นสัตว์กินเลือด" กันแล้วในวงกว้าง และการกระทำของผมครั้งนี้อาจนำตนเอง และเว็บไซต์ Online Station ไปสู่จุดจบเพราะการโจมตีจากช้าง และถุงมือช้างอีกด้วยซึ่งผม และทีมงานประชุมกันอย่างเคร่งเครียด และมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าถ้าหากการตีแผ่ความจริงเรื่องนี้รู้ถึงหูพวกถุงมือช้างแล้วล่ะก็ พวกเราจะรับชะตากรรมร่วมกันครับ
แม้จะมีพื้นที่ในการทำบทความจะมีแค่จำกัด แต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในขณะนี้คือการรวบรวมสายพันธุ์ช้างที่มีน้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็น หลายชีวิตต้องสังเวยไปเพียงเพื่อจะได้ซึ่งข้อมูล หรือภาพถ่ายแม้เพียง 1 ใบ ยังไงก็ขอยกบทความนี้ให้เป็นเกียรติ์สดุดีแก่ทีมนักวิจัยผู้ล่วงลับด้วยครับผม เอาล่ะ มาเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ช้างกันเถอะ!
ช้างเทนทาเคิล
นักวิจัยหนุ่ม Napadon Sridee ผู้เชี่ยวชาญการทำกิลวอและดีเฟนบ้าน ได้ส่งข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับช้างอีกชนิดนั่นคือ" ช้างเทนทาเคิล " ( tentacle ) หรือในชื่อไทยๆว่า "ช้างหนวดจิ๋ม" จัดอยู่ในสปีชีส์ Elephantidae ซึ่งเป็นสปีชีส์เดี๋ยวกับวงศ์วานของช้่างดึกดำบรรพ์และอยู่ในไฟลัมมอลลัสกาเช่นเดียวกับหมึกในท้องทะเล ซึ่งสร้างความตกตะลึงให้กับเหล่าผู้ค้นพบยิ่งนัก
จากการศึกษาพฤติกรรมได้ซักพัก มันมักจะปรากฏตัวทามกลางหมอกหนาจัด มีขนาดลำตัวใหญ่กว่ารถบรรทุก พร้อมกับมีเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ว่า ปิ๊วปิ้ว ปิ็วปิ้ว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงแค่ข้อมูลที่เล็กน้อยมากเพราะว่ากลุ่มผู้ค้นพบเหล่านั้นได้สาปสูญไปหมดแล้ว
ช้างแอมบุช
ถึงแม้ช้างจะมีความสามารถร่างกายเหนือกว่ามนุษย์มาก แต่ก็มีช้างบางจำพวกที่ไม่ชอบทำการล่าอย่างกระโตกกระตาก มักจะดักซุ่มรออยู่บนยอดไม้จนกว่าเหยื่อจะเข้ามาในจุดสังหาร เรียกว่า ช้างแอมบุช (ambush)
ช้างแอมบุช มักจะทำงานร่วมกันเป็นทีมหากเห็นช้างแอมบุชหนึ่งตัว แปลว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีอีกหกตัวอยู่ในละแวกนั้น โดยพฤติกรรมรุมกินโต๊ะมนุษย์นี้ ถูกเรียกว่า ambush assemble เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมักจะถูกแท็คทีมทิ่ม รูทวารทั้ง 7 จงถึงแก่ความตาย
ในบางครั้งช้างแอมบรูสมักจะส่งถุงมือช้างเข้าไปล่อ เพื่อให้เหยื่อพลาดพลั้งเข้ามาในจุดสังหาร และมีรายงานว่าบางครั้งช้างแอมบุช ทำงานร่วมกับกับช้างหางกระดิ่งอีกด้วย
ช้างเฟี้ยวฟ้าว
เมื่อพูดถึงความรวดเร็วและว่องไวของสิ่งมีชีวิตจากทั่วทุกมุมโลก อันดับหนึ่งคงต้องยกให้กับ ช้างเฟี้ยวฟ้าว ซึ่งเป็นช้างเพียงสายพันธุ์เดียวที่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเหนือเสียง ด้วยรูปร่างที่ออกแบบมาเพื่ออากาศกลศาสตร์ ทำให้มันสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดโดยเฉพาะตอนออกล่า โดยเหยื่อจะได้ยินเสียง แปร้นน!! หลังจากที่ตัวเองโดนจู่โจมไปเรียบร้อยแล้ว 3 นาที
ช้างอบริจิ้น
กลับมาสู่เรื่องเล่าย้อนยุคกันอีกครั้ง พูดถึงการโฉบหรือการเคลื่อนที่ไปในอากาศของช้างนั้นก็มีวิธีที่แตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ ช้างอบริจิ้น จะออกล่าเหยื่อกันเป็นคู่ๆ โดยเมื่อเจอเป้าหมายแล้วพวกมันจะทำการ ประสานงวง เหวี่ยงคู่ของตัวเองไปในอากาศแบบบูมเมอแรง ในระหว่างที่ลอยตัวอยู่ในอากาศช้างจะทำมุมประมาณ 15 องศาด้วยแรงหมุนที่มากกว่า 15,000 รอบกับแรงประทะขนาด 20 ตันต่อตารางฟุต เมื่อกระทบเป้าหมายจะสร้างความเสียหายอย่างมาก และสามารถสปินกลับมาหาคู่หูของมันได้อีกครั้ง เรียกว่าช้างรีเทิน
คุณ Than Michaelis กล่าวว่า ป๋าเบิดของเราได้พยายามบอกและสื่อเป็นนัยยะในเพลงมานานแล้วว่า "เพราะว่าตัวช้างเป็นดั่งบูมเมอแรง ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว"
ช้างป่าเดียวดาย
เกิดจากช้างโรนินที่ถูกขับออกจากฝูงจนครบหนึ่งปี แล้วเกิดติดใจในความเหงาความเดียวดายที่ได้อยู่อย่างอ้างว้างจึงไม่ยอมกลับเข้าฝูง อารมณ์พระเอกมิวสิคก็มิปาน
ศาสตราจารย์ James Howlett ผู้เชี่ยวชาญด้านพฏติกรรมช้างและการฟ้อนเล็บ ได้แจงถึงพฤติกรรมของช้างป่าเดียวดายว่า เป็นพฤติกรรมที่ประหลาด แทนที่จะใช้งวงโจมตี มันกลับมักจะลับเล็บตัวเองจนแหลมคม และใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเขา ฟันผักฟันหญ้าไปวันๆ แต่ถ้าเจอมนุษย์จะโจมตีด้วยกรงเล็บไม่หยุดจนกว่าอีกฝ่ายจะเละเทะเป็นกระดูกไก่ ดูดเลือดแล้วรับประทานไส้ติ่งมนุษย์เพื่อบำรุงกำลัง
ช้างป่าเดียวดายเป็นช้างชนิดพิเศษที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก เนื่องจากมันทนความเหงาเดียวดายได้ไม่นาน ก็มักจะหายบ้าเลิกทำตัวรันทดแล้วกลับเข้าฝูงกลายเป็นช้างธรรมดาสืบไป ทำให้นักวิเคราะห์พฤติกรรมตั่งข้อสันนิฐานว่า นี่อาจจะเป็นการละเล่นคอสเพลย์ของช้างชนิดหนึ่งก็เป็นได้
ช้างดือ
ช้างดือ หรือ ช้างดิน เป็นสิ่งมีชีวิตกำกึ่งว่าจะถูกจัดเป็นประเภทไหนดีแต่ด้วยรูปลักษณ์ทางกายภาพถึงถูกจัดอยู่ในหมวดของ สัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังDiplopoda ส่วนมากจะใช้ชีวิตอยู่บริเวณชั้นแก่นโลก (core) แต่ในความเป็นจริงสามารถใช้ชีวิตอยู่ในมวลหินร้อนชั้นเนื้อโลก (mantle) ได้ด้วยแต่ท่าทางมันไม่ค่อยชอบนักเพราะไม่อยากผิวสีแทน
ช้างดือเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้เกียจ และเคลื่อนตัวได้ช้าพบว่าสามารถกินได้ทุกอย่างแต่ไม่ออกล่าอาหาร ตามปกติมักจะกินดินบริเวณรอบๆตัวเอง{ซึ่งประกอบไปด้วยแร่ธาตุ ซากสัตว์ หรือซากอ้อย}
ช้างดือ สามารถผลิตสารพิษที่ชื่อว่า (Hydrogen cyanide) หรือกรดไฮโดรไซยานิค ผู้ที่โดนเข้าไปจะทำให้การหายใจระดับเซลล์ล้มเหลว และถึงแก่ความตายได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีบันทึกว่ามีผู้เสียชีวิตจากช้างดือ เพราะทุกครั้งที่มีคนเสียชีวิตด้วยพิษ ไฮโดรไซยานิค ความผิดมักจะถูกป้ายให้กับสัตว์ชนิดอื่นๆ เช่น แพะ
ถึงแม้ ช้างดือ จะไม่มีอุปนิสัยจู่โจมสิ่งมีชีวิต อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักวิจัยเป็นห่วงไม่ใช่อุปนิสัยและการเป็นอยู่ของมัน แต่เป็นขนาดตัวอันบักควายของมันต่างหาก มันสามารถสั่นสะเทือนหรือเขย่าของพื้นผิวโลกได้เมื่อมันขยับตัวจะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวซึ่งจะรุนแรงถึง 7 ริกเตอร์ขึ้นไปเลยทีเดียว
ดังนั้นความเชื่อโบราณเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่ว่า ปลาอานนท์ ปลาดุกนา ปลาแขยงยักษ์ ปาปิก้า กลับตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหวนั้นล้วนไม่จริง ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือ ช้างดือเคลื่อนที่ครับ
ถ้าให้เปรียบเทียบช้างดือออกมาเป็นสมการง่ายๆ ก็คงเปรียบได้กับ paladin สาย int vit ใจดีสงบนิ่งไม่ไหวติงแต่เปี่ยมไปด้วยอันตราย
ช้างหางกระดิ่ง
เวลาเดินป่าคนโบราณมักจะเตือนว่าอย่ามองขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ เพราะจะเห็นสิ่งไม่ดีและทำให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งคำกล่าวนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความเชื่อ ช้างหางกระดิ่งจะพันตัวเองรอบต้นไม้ใหญ่เพื่อรอเหยื่อที่เดินผ่านมา แต่ทว่าก็มีเงื่อนไข โดยเมื่อเหยี่อจ้องตาของช้างเมื่อไหร ร่างกายท่อนล่างจะเริ่มเป็นอัมพาตและหมดทางหนีในที่สุด
สำหรับข้อมูลที่เรารวบรวมมานั้นอาจไม่ใช่ทั้งหมดของสายพันธุ์ช้างอันตรายที่มีทั้งหมดในโลกนี้ และเชื่อว่าทีมนักวิจัยจะยังค้นพบสายพันธุ์ใหม่ๆ เพิ่มอีกในอนาคต ซึ่งใครทั้สนใจจะศึกษาอย่างจริงจัง สามารถติดตามข้อมูลอื่นๆ ได้ที่ Fanpage ช้างเป็นสัตว์กินเลือด ใน Facebook กันได้เลยครับ