สวัสดีค่ะ สดค่ะ ^0^ คราวที่แล้วมีคนเข้าใจผิดว่าเราเป็น บก.Por_kk ไปซะอย่างงั้น แต่ถึงแม้ว่าท่าน บก.ของเราจะออกมาชี้แจงแล้วว่ามิได้โอตาคุ แต่เราก็เชื่อมั่นว่าท่านก็มิได้ Fever น้อยไปกว่าเราแน่นอนค่ะ (อิอิ)
//โดนเจ๊เอาพัดโบกสิ้นชีวิต
//ฟื้นคืนชีพ แฮ่!
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ สำหรับหัวข้ออาทิตย์นี้ เริ่มขึ้นเมื่อสดไปเห็นไอเทมล่าสุดของ Play Arts Kai ของค่าย Square Enix (เจ้าของเดียวกันกับ ไฟนอลแฟนตาซี่ๆๆๆๆ(เสียงเอ็กโค่)) แล้วเกิดอาการเฟลกระจาย....เมื่อมันหยิบลูกพี่โล้นซ่าคนโปรดของสดมาทำเข้า.........
มันก็ดูดีอยู่หรอกถ้ามองไกลๆ แต่.... ม่ายยย TwT
มันทำให้สดนึกออกว่าสดควรพูดถึงความเสื่อมจนน่า Fever ของ Square Enix ซะแล้ว
หมายเหตุ คอลัมน์นี้ คือคอลัมน์ฟิกเกอร์ เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดถึงตัวเกมอันสุดเทพ(?)ของ ค่ายนี้นะจ๊ะ
Play Arts นั้นคือ ชื่อซีรี่ส์ Action Figures ที่สามารถขยับข้อต่อได้ของ Square Enix ซึ่งบางท่านอาจแปลกใจว่า SQEN มันบริษัทเกมไม่ใช่เรอะ ก็ขอบอกว่า จริงๆ แล้วมีผลิตภัณฑ์ของเล่นประเภทอื่นหลากหลายเช่นกันค่ะ
เพียงแต่ระบบการทำของเล่นและฟิกเกอร์ของ SQEN จะแปลกกว่าค่ายอื่นอย่างหนึ่งคือ การใช้งานค่าย “Kotobukiya” เป็นค่ายหลักในการปั้นงานให้ ซึ่ง SQEN นั้นไม่มีนโยบายในการปล่อยลิขสิทธิ์ตัวละครให้บริษัทชองเล่นใดปั้นและจัดจำหน่ายในฐานะค่ายของตนเอง แต่จะใช้การจ้างให้ค่ายฟิกเกอร์ปั้นให้ SQEN จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ตนเอง (ถึงจะเคยปล่อยให้ Kotobukiya ทำ Tifa มาทีนึงก็เถอะ)
แต่เดิมทีนั้นเริ่มจากการปั้นให้ Final Fantasy VIII ซึ่งเป็นภาคที่โด่งดังและเข้าถึงผู้เล่นในด้านความสวยงามสูงสุดในยุค PS1
ต่อมาจึงได้ออกตัวละครจาก Final Fantasy VII Advent Children ตามมาด้วย ซึ่งมี 7 ตัวหลักคือ คลาวด์+มอไซค์ ทิฟา เซฟิรอธ วินเซนต์ เรโน ยัฟฟี่ คาดาจ
และหลังจากนั้นจึงเริ่มทำย้อนหลังไปสู่ไฟนอล 7 ภาคที่ตรึงใจแฟนๆ ไฟนอลมากที่สุดตามเสียงเรียกร้อง (ข้าเก็บไม่ทัน เฟลมาก)
Final Fantasy X น่าเสียดายว่าสดอยากได้ Auron คนเดียว (คนแก่อะไรหล่อจัง =,.=)
รวมทั้ง อนิเมะในเครืออย่าง Full Metal Alchemist ด้วย
มันดูดีมากใช่มั้ยถือได้ว่าใกล้เคียงตัวละครโปรดของแฟนๆ อย่างสูง ถึงแม้จะมีข้อด้อยบ้างตรงพื้นผิวที่ดูหยาบเกินไป และข้อต่อที่ดูไม่เรียบเท่า Figma (ในกรณีทำตรงข้อต่อที่ไม่มีเสื้อผ้าปิด) แต่โดยรวมแล้วถือว่า ถ้าถ่ายด้วยกล่องไม่ค่อยละเอียดซักหน่อยก็ดูขึ้นกล้องดี (ฮา)
แต่หลังจากนั้นต่อมานั้นก็เริ่มเปลี่ยนชื่อซีรีส์เป็น Play Arts Kai เพื่อความพรีเมียมและดูมีระดับ ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถขยับได้หลากหลายขึ้น
กอปรกับที่เข้ายุคถดถอยลงของ Square Enix ที่ไม่สามารถสร้างเกม RPG ที่ทำให้ทางฝั่งตะวันตกประทับใจได้ง่ายๆ และใช้เวลาสร้างต่อเกมยาวนาน ทำให้ต้องปรับกลยุทธการวางขาย Play Arts ด้วยการซื้อตัวละครนอกค่ายตนเองมาทำ Play Arts ด้วย ซึ่งประเดิมด้วย
Halo3 ตอนออกมาแรกๆ มันก็โอเคนะ แต่สดก็อึ้งอยู่ว่า "นึกยังไง" @w@
Ezio จาก Assassin's Creed จริงๆ ทำอารมณ์ให้ก็จริงแต่เสื้อผ้าหยาบไปนิด = ="
แต่ดูเหมือนความไม่เต็มใจของ SQEN จะถูกแสดงออกผ่านทางตัวละครจาก Capcom และ Sega อาทิ
Devil May Cry 4
.......ใครฟระ ไม่ๆๆๆๆ ไม่ใช่คริสของชั้นนนนน
คือชั้นรู้ว่า Street Fighter 4 มันถึกกัน และชั้นก็ชอบกราฟฟิกลายเส้นแบบนั้นมาก แต่คือหัวเข่ามันเหมือนโดนข้อต่อแปลกๆ ปักมา.....
แล้วเทียบกับเซร่า FF XIII-2
นี่มันสองมาตรฐานชัดๆ ราวกับทั้งวัสดุและฝีมือที่ทำให้ค่ายอื่นและค่ายตัวเองคนละเกรดโคตรๆ! แง TwT
ดูท่า Capcom และ Sega จะโดนหนักพอสมควร มาดู Konami กันบ้างดีกว่า
เห็นได้ว่าพอเป็น Konami นี่ดูดีมีชาติตระกูลเลยทีเดียว(สงสัยเฮียโคจิม่า มาคุมเอง 555+)
ก็คือโดยสรุปแล้ว เหตุผลที่ทำให้สำหรับสดแล้ว Play Arts Kai มันเป็นอะไรที่ไม่ค่อยน่าซื้อส่วนหนึ่งก็คือ
1. มันดูแข็งๆ หยาบๆพิกลๆ
2. คุณภาพ 2 มาตรฐาน ตามที่เผาไปข้างต้น พวกเขานั้นช่างทำร้ายจิตใจแม่ยกดันเต้ คริส พ่อยกบาโยกันเต็มๆ
3. ทำพวก กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น เสื้อแขนกุด จับงอทีไรเฟลทุกที ข้อดีคือทำให้การพับแขนขา มีอิสระกว่า figma ดี แต่มองใกล้หน่อยมันจะเฟลไปเลย
จริงๆ ไอ้เรื่องนี้มัน่าจะโทษคนที่ผลิตให้แทนอย่าง Kotobukiya สิ อาจถูกส่วนหนึ่ง แต่งานแปะยี่ห้อ Kotobukiya จริงๆ ไม่ได้ดูหยาบขนาดนั้น น่าจะทำตามใบสั่งที่พยายามลดต้นทุนจากทางนั้นเองมากกว่า
ซึ่งค่าย Kotobukiya สดเคยเอ่ยถึงในคราวก่อนๆ ไปบ้างแล้วเหมือนกัน แต่ไว้ค่อยพูดถึงในคราวหน้านะคะ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนคร่า ^^