Magnavox Odyssey เครื่องเกม Console ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตอน เครื่อง Odyssey รุ่นต่างๆ

แชร์เรื่องนี้:
Magnavox Odyssey เครื่องเกม Console ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตอน เครื่อง Odyssey รุ่นต่างๆ

สวัสดีครับเพื่อนๆ ต้องขออภัยที่ล่าช้าไป 1 วันนะครับ เนื่องจากตัวกระผมติดปัญหาบางประการน่ะครับ ^^

หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ว กระผม Barrettez ได้นำประวัติของเครื่องเกม Console เครื่องแรกของโลกอย่าง Magnavox Odyssey ไปแล้วที่ http://www.online-station.net/entertainment/hobby-toys/17 คราวนี้ผมจะพาเพื่อนๆ มาชมรุ่นต่างๆ ของ Magnavox Odyssey

ยุคของ Magnavox Odyssey นั้นยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แม้จะเลิกผลิตเครื่องรุ่นหลักไปแล้วในปี 1975 แต่ก็ยังมีเครื่องรุ่นหลังๆๆ ตามมาสมทบ โดยกินเวลาตั้งแต่ 1975 - 1977 รวมแล้วเป็นเวลา 2 ปีกว่า แต่เพื่อนๆ เชื่อหรือไม่ว่า ภายใน 2 ปีนั้นเครื่องเกม Magnavox Odyssey รุ่นต่อมา มีออกจำหน่ายมากถึง 8 รุ่นเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับภายใน 3 ปีนั้นถือว่าเยอะมากๆ ครับ ขนาด Street Fighter 4 ออกมาไม่ทันไรก็มี Super Street Fighter 4 ออกมา เพิ่มตัวละครพิเศษนิดหน่อย คนยังด่ากันฉิบหายวายวอดเลยครับ มาลองดูกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น และเพราะอะไร ที่ทำให้ออกเครื่องรุ่นใหม่บ่อยขนาดนี้

 

ปี 1975

Odyssey 100 เป็นเครื่องรุ่นถัดจาก Magnavox Odyssey มีเกมให้เล่นอยู่ 2 เกม คือเทนนิส และ ฮ๊อกกี้ ซึ่งก็ไม่ค่อยต่างจากกันเท่าไรเล๊ย แถมเกม Tennis ก็เหมือนกับ Pong ของ Atari อีกด้วย ส่วนคอนโทรลเลอร์มีการพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเล่น โดยปรับปรุงให้มีแกนหมุน 3 แกน ซึ่งทั้ง 3 แกนนั้นสามารถบังคับ ตัวเกมในแนวตั้ง, แนวนอน และปรับเส้นวิถีของบอลที่เด้งไปมา สามารถเล่นได้ทั้งการต่อ AC Adapter 9 โวลต์ หรือ ถ่าน C 6 ก้อน


Odyssey 200 ใช้ชิฟจาก Texas Instruments มีการปรับปรุงเพิ่มเติมจาก Odyssey 100 อยู่หลายอย่าง และมีเกมเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เกมด้วย คือ Smash รวมแล้วเป็น 3 เกม และยังเป็นเครื่องเกมเครื่องแรก ที่สามารถปรับได้ว่าจะเล่นแบบ 2 Player หรือ 4 Player และยังมีการเพิ่มระบบคะแนนแบบ non - Digital (เป็นเส้นขีดขาวๆ ขยับจากด้านซ้ายไปทางขวาทีละ 1 ช่อง เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำแต้มได้) ใช้ถ่าย C 6ก้อน หรือ AC Adapter 9 โวลต์ เหมือนกับเครื่อง 100


ปี 1976

Odyssey 300 เป็นรุ่นที่ต่างจาก 2 รุ่นแรกมากมายเลยทีเดียว และผ่าเหล่ามาจากเครื่องซีรี่ส์ Odyssey อื่นๆ ในรุ่น 100 - 500 อีกด้วย เนื่องจากเปลี่ยนมาใช้ชิฟ AY-3-8500 โดยเครื่องนี้ถูกสร้างมาเพื่อตีตลาดแข่งกับเครื่อง Telstar ของ Coleco แถมใช้ชิฟตัวเดียวกันด้วย และยังเป็นเครื่องเดียวของซีรี่ส์ Odyssey 100 - 500 ที่ใช้แกนบังคับอันเดียว (เหมือนกับ Telstar อีกแน่ะ) เครื่อง 300 นั้นมี 3 เกมเหมือนกับเครื่อง 200 แต่ต่างกันตรงที่เครื่อง 300 นั้นสามารถปรับระดับความยากได้ 3 แบบคือ Novice, Intermediate และ Expert


Odyssey 400 ย้อนกลับมาใช้แกนบังคับ 3 อันอีกครั้ง เหมือนรุ่น 100 และ 200 แถมกลับมาใช้ชิฟจาก Texas Instruments ช่วยในเรื่องคะแนนของเกมโดยรวมแล้วไม่มีความแตกต่างจากเครื่องรุ่น200 มากนัก แค่นำระบบที่เพิ่มในเครื่อง 300 มาใส่เครื่อง 200 จนออกมาเป็นเครื่อง 400 เท่านั้นเองครับ


Odyssey 500 มันก็คือการเอาเครื่อง 400 มาเพิ่มโน่นนิดนี่หน่อย และมีการปรับกราฟฟิคของภาพให้ดีขึ้น ตัวละครในเกมดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น โดยมีกราฟฟิครูปที่ (เหมือนจะ) เป็นคน อยู่ 3 แบบ ซึ่งใช้กับเกมที่ต่างกันอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเกมใหม่อีก 1 เกม นั่นก็คือเกมฟุตบอล โดยใช้ตัวละครจากเกมฮ๊อกกี้ (และสนามฮ๊อกกี้ด้วย)


ปี 1977

Odyssey 2000 ขึ้นปีใหม่ ก้าวสู่ยุคใหม่ ปรับชื่อรุ่นเป็นเลข 4 หลัก เพื่อแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาแบบก้าวกระโดด แต่ยังไง เจ้าเครื่อง 2000 มันก็คือการเอาเครื่องรุ่น 300 มาอัพเกรดใหม่ เหมือนเอาเครื่อง 300 มาตีบวกนั่นเอง ชิฟก็กลับมาใช้ตัวเดียวกัน แกนบังคับคอนโทรลเลอร์ก็มีอันเดียวเหมือนกัน เกมเทนนิส ฮ๊อกกี้ และ Smash มีระบบ Practice หรือโหมดเล่นคนเดียวสำหรับคนขี้เหงาไม่มีคนเล่นด้วยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 ระบบ

Odyssey 3000 เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปโฉมของเครื่องเกม Odyssey ไปแบบไม่เหลือเค้าเดิมเลย ตัวเครื่องเหลี่ยมจัดขึ้น (ขอบและมุมเหลี่ยมมากขึ้น) มีปุ่ม Reset สำหรับให้ผู้เล่นใช้สกิล "ดัชนีทะลวงเวลา" เอาไว้เผื่อเล่นกำลังจะแพ้เพื่อนอีกด้วย นอกจากนี้แกนบังคับที่ฝังอยู่บนเครื่องที่หนาๆ ใหญ่ๆ หนักบรรลัย และใช้ทุบหัวเพื่อนให้ตายได้ เมื่อกำลังจะแพ้ ก็มีการปรับเป็นคอนโทรลเลอร์แยกต่างหาก ขนาด 4 เหลี่ยม ขนาดเล็กๆ เหมาะสำหรับเอามาถือเล่น มีแกนบังคับน่ารักๆ ยื่นออกมาเพียงอันเดียว แลดูน่าเล่นยิ่งขึ้น (แต่ถือลำบากฉิบเลยครับ)


Odyssey 4000 มาถึงเครื่อง Odyssey ตัวสุดท้าย ของ Magnavox Odyssey กันนะครับ โดยเครื่อง 4000 นี้ ได้มีการเปลี่ยนชิฟ เป็น AY-3-8610 นอกจากนี้ยังมีเกมถึง 8 เกมด้วยกัน (แต่ก็มีพื้นฐานมาจากเกมเทนนิส และฮ๊อกกี้ เหมือนเดิม) และสิ่งที่เป็นคอนโทรลเลอร์ ที่มีแกนบังคับ ก็ถูกบัญญัติคำเรียกใหม่ว่า Joy Stick และสุดท้ายคือ เครื่อง 4000 นั้นเป็น คอนโซลเครื่องแรก ที่แสดงภาพสี แทนระบบภาพขาว - ดำ ได้แล้วด้วย

 

 

และนอกจากนี้ ทาง Philips เองก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์เครื่อง Magnavox Odyssey มาสร้างเองด้วยเช่นกัน โดยออกมาทั้งหมด 3 รุ่นดังนี้ครับ

Odyssey 200
เป็นเครื่องเดียวกับ Odyssey 200 ของ Magnavox นั่นแหละครับ แต่เป็นตัวที่ Philips ทำใหม่เพื่อส่งไปขายฝั่งยุโรป ในปี 1976

Odyssey 2001
เห็นแล้วอย่าตกใจว่าเพิ่งออกมาเมื่อปี 2001 นะครับ แต่เป็นชื่อรุ่นเฉยๆ ซึ่งรุ่น 2001 นี้เป็นเครื่อง Odyssey 4000 นำมาทำใหม่ โดยเปลี่ยนเกมภายใน และใช้ระบบแกนหมุนแทน Joy Stick ส่งขายที่ยุโรปในปี 1977

Odyssey 2100
วางจำหน่ายในปี 1978 รูปแบบของเครื่องเป็นแบบเดี่ยวกับ 2001 มีเกมทั้งหมด 6 เกม แต่มีรูปแบบมากมายหลายอย่างเช่น Wipe-Out (Breakout style, 7 รูปแบบ), Flipper (7 รูปแบบ), Tennis (2 รูปแบบ), Handball (2 รูปแบบ), Ice Hockey (2 รูปแบบ), Football (3 รูปแบบ)

หมดเกลี้ยงแล้วล่ะครับ เกี่ยวกับข้อมูลของเครื่อง Magnavox Odyssey ที่มี สัปดาห์ต่อไป ผมจะพาไปชมเครื่องเกม Console เครื่องที่ 2 ของโลกกันบ้าง ซึ่งหลายคนที่อ่านบทความที่ผ่านมาแล้ว อาจจะพอเดาออก ซึ่งคือ Pong นั่นเองครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก AdvanceTio

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ